✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨

* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องมนตร์ | ดรูอิด (Druid)

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม | เซไทร์

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องมนตร์

อโฟร์ไดท x ดรูอิด

ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ

ลักษณะนิสัยของเทพี:
อโฟรไดท์ (Aphrodite) ตามตำนานกรีก

เทพีอโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความรัก ความงาม และกามารมณ์ ตามตำนานเธอมีบุคลิกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองของตำนานแต่ละยุคสมัย แต่โดยทั่วไป เธอมีลัษณะนิสัยดังนี้:

เย้ายวนและเปี่ยมเสน่ห์ – อโฟรไดท์เป็นจุดศูนย์กลางของความงามและแรงดึงดูด เธอสามารถทำให้มนุษย์และเทพตกหลุมรักได้เพียงแค่ปรากฏตัว หรือเพียงแค่ปรายตามอง

หลงใหลในความรักและความปรารถนา – เธอเป็นเทพีที่เชื่อในพลังของความรัก ไม่ใช่เพียงความรักอันบริสุทธิ์ แต่รวมถึงความหลงใหล กามารมณ์ และแรงปรารถนา

เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ – เนื่องจากเธอเป็นตัวแทนของอารมณ์แห่งความรัก อโฟรไดท์มักมีความต้องการสูง และมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

อ่อนไหวแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม – แม้ว่าเธอจะงดงามและน่าหลงใหล แต่เธอก็มีความฉลาดและสามารถใช้เสน่ห์ของเธอเป็นอาวุธในการควบคุมสถานการณ์

หึงหวงและเจ้าคิดเจ้าแค้น – ในบางตำนาน อโฟรไดท์มีความริษยาผู้หญิงที่งามกว่าหรือได้รับความสนใจมากกว่า เช่นในตำนานของ Psyche และ Helen of Troy

บรรยายรูปลักษณ์ของอโฟรไดท์:

"เธอเป็นดั่งบทกวีที่ถูกหลอมรวมเป็นสตรี—ผิวของเธอเปล่งประกายราวกับน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมเป็นระลอกคลื่นแห่งทองคำ สยายลงมาดุจน้ำตกที่ต้องแสงจันทร์ ดวงตาของเธอจับต้องวิญญาณของผู้ที่สบมอง—สีของมันเป็นดังมหาสมุทรยามรุ่งอรุณ ทั้งลึกลับและเร่าร้อน"

"ริมฝีปากของเธอแดงราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม โค้งรับกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้เหล่าทวยเทพยอมจำนน ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ไปตามผิวของโลกด้วยความอ่อนโยน แต่เพียงสัมผัสเดียวก็สามารถปลุกเปลวไฟแห่งกามารมณ์ให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของมนุษย์และเทพองค์อื่นๆ"

"เมื่อเธอเดินผ่าน สายลมก็โอนอ่อนดั่งกำลังร่ำร้องหาเธอ แม้แต่ดอกไม้ก็เบ่งบานเมื่อปลายเท้าเธอสัมผัสพื้นดิน เทพีอโฟรไดท์—เธอไม่ใช่เพียงความงาม แต่เป็นอำนาจแห่งความรัก เป็นไฟปรารถนาอันไม่มีวันมอดดับ"

ประวัติโดยละเอียดของอโฟรไดท์ในตำนานกรีก

     อโฟรไดท์เป็นหนึ่งในเทพแห่งโอลิมปัส เธอมีสองตำนานหลักเกี่ยวกับการกำเนิด:

1. กำเนิดจากฟองทะเล – ตำนานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เธอเกิดขึ้นจากฟองทะเล (Aphros) เมื่อไททันโครนัสตัดอวัยวะเพศของเทพยูเรนัส (Uranus) และโยนมันลงสู่มหาสมุทร เลือดของยูเรนัสกระจายตัวและสร้างฟองน้ำขึ้นมา ก่อนที่อโฟรไดท์จะถือกำเนิดขึ้นจากเปลือกหอยและลอยไปยังเกาะไซปรัส (Cyprus)

2. ธิดาของซุสและไดโอนี (Zeus & Dione) – อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เธอเป็นลูกสาวของเทพซุสกับไททันนีด ไดโอนี (Dione)

     อโฟรไดท์ได้รับการยกย่องในหลายพื้นที่ของกรีซ โดยเฉพาะในไซปรัส ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของเธอ

รายชื่อคู่รักของเทพีอโฟรไดท์
     อโฟรไดท์มีคู่รักมากมาย ทั้งเทพและมนุษย์ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอันร้อนแรงและโศกนาฏกรรมอันงดงาม

1. เฮฟีสทัส (Hephaestus) - เทพแห่งช่างตีเหล็ก: อโฟรไดท์ถูกบังคับให้แต่งงานกับเทพเฮฟีสทัสตามคำสั่งของซุส เฮฟีสทัสรักเธอมาก แต่เธอไม่ได้รักเขา และมีชู้กับชายอื่น

2. แอเรส (Ares) - เทพแห่งสงคราม: หนึ่งในคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลระหว่างความรักและสงคราม พวกเขามีบุตรร่วมกันหลายองค์ เช่น Eros (กามเทพ), Harmonia, Phobos (ความกลัว) และ Deimos (ความหวาดกลัว)

3. แอดอนิส (Adonis) - มนุษย์หนุ่มรูปงาม: แอดอนิสเป็นชายหนุ่มที่อโฟรไดท์ลุ่มหลงอย่างสุดหัวใจ เธอรับเขามาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อโตขึ้น เธอก็ตกหลุมรักเขาจากการบังเอิงระหว่างเล่นกับอีรอสแล้วเธอพลั้งไปถูกศรทองของเขาสะกิดและแอดโดนิสก็บังเอิญเดินผ่านมา แต่ในที่สุด เขาถูกหมูป่าที่เทพแอเรสที่หึงหวงแปลงตัวมาทำร้ายจนเสียชีวิต อโฟรไดท์โศกเศร้าและเปลี่ยนเลือดของเขาให้กลายเป็นดอกไม้ anemone

4. แองไคซีส (Anchises) - มนุษย์และเจ้าชายโทรจัน: ซุสต้องการลงโทษอโฟรไดท์ที่ทำให้เทพองค์อื่นตกหลุมรักมนุษย์ จึงบันดาลให้เธอหลงรักแองไคซีส
เธอมีบุตรกับเขาชื่อว่า Aeneas ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งกรุงทรอย

5. เฮอร์มีส (Hermes) - เทพแห่งการสื่อสาร
เฮอร์มีสหลงรักอโฟรไดท์ และจากความสัมพันธ์นี้ พวกเขามีบุตรชื่อ Hermaphroditus ซึ่งมีลักษณะทั้งชายและหญิง

ภาพโดยรวม:
     อโฟรไดท์เป็นเทพีที่เปี่ยมเสน่ห์ มีบุคลิกที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ทั้งงดงาม อ่อนไหว เร่าร้อน แต่ก็มาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์และอารมณ์ที่รุนแรง เธอมีคู่รักมากมาย ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และสามารถตีความได้หลากหลายมิติ

     เธอไม่ใช่แค่เทพีแห่งความรักและความงาม แต่เป็นตัวแทนของแรงปรารถนา ความเย้ายวน และอำนาจแห่งเสน่ห์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

เทพนิยาย Romance Fantasy Erotic



แก้ไ

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม | ดรูอิด (Druid)

  • Eromatasy โดย: B.Zab
  • ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ตอนที่ 1: แสงจันทร์ต้องบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์


ค่ำคืนปกคลุมผืนป่าโบราณด้วยม่านเงา แสงจันทร์ส่องลอดผ่านเรือนยอดไม้สูงชะลูด ร่วงหล่นเป็นเส้นบางเบาลงสู่พื้นดินชื้นที่อวลกลิ่นของพืชสมุนไพร ยางไม้ และความลับอันเก่าแก่ของโลกใบนี้ เสียงจักจั่นร้องระงมประสานกับเสียงน้ำไหลแผ่วเบาของธารเล็กที่ลัดเลาะไปยังบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ กลางป่าลึก—ที่ซึ่งเวลาหยุดนิ่ง และธรรมชาติเองเฝ้าพิทักษ์
ใต้เงาไม้หนาทึบ... ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่พฤกษา—สง่างาม ราวบทกวีมีชีวิต เธอคือ อโฟรไดท์ เทพีแห่งความรักและความงาม ผู้เบื่อหน่ายต่อกฎเกณฑ์อันเคร่งครัดของโอลิมปัส และแสวงหาความหฤหรรษ์ใหม่จากผืนพิภพเบื้องล่าง
ชุดคลุมเนื้อบางแนบแน่นแนบเนื้อ เธอปล่อยให้มันเลื่อนไหลลงจากบ่าอย่างเชื่องช้า ลมค่ำคืนพัดเอื่อยสัมผัสเรือนผิวขาวเนียนราวน้ำนม กลีบผมสีทองสลวยพริ้วไหวคลอเคลียแผ่นหลังขาวโพลน ยามที่เธอก้าวเท้าลงสู่บ่อน้ำพุโบราณซึ่งเรืองแสงจางๆ ราวมีเวทมนตร์ขานรับ
เมื่อฝ่าเท้าแตะต้องผิวน้ำ—เย็นเยียบและใสสะอาดจนเห็นก้อนกรวดและเส้นรากไม้เบื้องล่าง อโฟรไดท์สูดลมหายใจลึก กลิ่นชื้นของมอสและไม้เก่าแทรกเข้ามาในปลายจมูก คล้ายปลุกความรู้สึกดิบเถื่อนบางอย่างที่นอนหลับมาเนิ่นนาน
หยาดน้ำสะท้อนแสงจันทร์เกาะพราวตามเรือนกาย ผิวเธอแวววาวราวไข่มุก ร่างขาวนั้นทอดกายในสายน้ำช้าๆ ปล่อยให้หยดน้ำไหลรินผ่านทรวงอก แนวเอว และสะโพกอ่อนโค้ง เสียงน้ำกระเพื่อมดังแผ่วราวบทเพลงกล่อมวิญญาณ
มือเรียวลูบไล้ไปตามต้นคอของตนอย่างแผ่วเบา—การสัมผัสตนเองนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อชำระล้าง หากแต่เป็นการ ตื่นรู้ ถึงความรู้สึก ความเย้ายวน และความเป็นหญิงอันแท้จริง สายน้ำเย็นสะท้อนแสงจันทร์ไล้ผ่านผิว เธอหลับตาลง—ปล่อยให้ลมหายใจหลอมรวมกับเสียงธรรมชาติรอบกาย ทุกสัมผัสคือบทบรรเลงของความเสรี
แล้ว บางสิ่ง ก็เปลี่ยนไป—อากาศรอบกายแปรปรวนเล็กน้อย แผ่วลมหยุดนิ่ง... จักจั่นหยุดขับขาน... มีเพียงเสียงน้ำที่ยังคงไหล
หัวใจของเทพีเต้นระรัวช้าๆ สัญชาตญาณของเธอ—เก่าแก่พอๆ กับเทพปกรณัม—รับรู้ได้ทันที มีใครบางคนกำลังมองเธอ
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มจาง ทว่าแววตาสีน้ำผึ้งเข้มกลับส่องประกายระแวดระวัง กลีบผมทองเปียกชื้นแนบแก้ม ดวงตาคมกริบกวาดมองไปยังความมืดหลังแนวไม้หนา และในวินาทีนั้น เธอ เห็นเขา
บนโขดหินฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางเงาไม้สีเงินจากจันทร์ ดรูอิดยืนอยู่—ร่างสูงสง่าปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีเขียวเข้มที่กลืนไปกับความมืด ผมยาวสีดำขลับปล่อยสยายประดับด้วยใบไม้น้อยใหญ่ ดวงตาของเขา... คมกริบและนิ่งเฉียบ ดุจสัตว์ป่าที่เฝ้ามองเหยื่อ หากแฝงไว้ด้วยแสงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนเร้น
เขาไม่พูด ไม่มีคำใดหลุดจากเรียวปากหยักได้รูป ทว่าเพียงสายตานั้น—แรงกว่าคำใดๆ ทั้งหมด สายตาที่ไล้ไปทั่วร่างของเธอ... ค่อยๆ ไล่จากไหล่เปลือยเปล่าลงสู่ทรวงอกที่เพิ่งพ้นจากน้ำ กอบโกยทุกรายละเอียดด้วยความหิวกระหายอันเงียบงัน
อโฟรไดท์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย พรายน้ำกลิ้งหลุนๆ ไปตามแนวเอว เธอไม่ได้หลบสายตาเขา ตรงกันข้าม—เธอกลับยิ้ม... รอยยิ้มอันทรงพลังของเทพีแห่งเสน่หา
“ท่านคือผู้ใด ถึงกล้าเฝ้าดูเทพีแห่งความรักในยามเปลือยเปล่าเช่นนี้?” เสียงเธอนุ่มลึก แหบพร่าในช่วงท้ายราวลมหายใจยามราตรี
เขาก้าวออกมาจากเงาไม้ช้าๆ ฝ่าเท้าเปล่าเหยียบลงบนมอสที่แน่นนุ่ม “ที่แห่งนี้คือเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งข้า เทพี... ไม่ใช่ที่เล่นสนุกของเทพผู้อ้างตนเหนือธรรมชาติ”
เสียงเขาหนักแน่น ดุจดินดานและรากไม้ แฝงด้วยแรงสั่นสะเทือนของพลังโบราณ กลิ่นตัวของเขาแผ่ซ่านมากับลมหายใจ—กลิ่นสมุนไพรป่าที่บดด้วยมือ กลิ่นเปลือกไม้ และกลิ่นดินที่เพิ่งถูกฝนแรกตกต้อง
อโฟรไดท์ยิ้มบาง เธอลุกขึ้นเต็มความสูงกลางบ่อน้ำ พรายน้ำเกาะแนบผิวกาย ร่างอ่อนโค้งยืนตระหง่านในแสงจันทร์ที่ทาบทอราวผ้าไหม
“เขตศักดิ์สิทธิ์หรือ? หรือเพียงที่ที่เจ้าซ่อนตัวจากโลกภายนอก?” เธอก้าวเข้าหาเขาในน้ำ ช้า ลึก และแผ่วเบา “เจ้าหวาดกลัวเทพธิดาผู้เปลือยเปล่า... หรือหวาดกลัวบางสิ่งในใจเจ้ากันแน่?”
ออตมุส ดรูอิดแห่งป่ายังคงนิ่ง... แววตาเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากแข็งกร้าวเป็นสั่นไหว เขามองเธอราวกับกำลังสู้ศึกในใจ—ระหว่างความโกรธกับแรงปรารถนาอันบ้าคลั่ง
“ข้าไม่หวาดกลัว” เขากล่าวช้าๆ เสียงนั้นกระแทกเข้ากับอกเธอด้วยแรงแฝง “แต่ข้าเฝ้าพิทักษ์สิ่งที่บริสุทธิ์ และเจ้าคือสิ่งที่... บั่นทอนทุกความบริสุทธิ์ในโลกนี้”
อโฟรไดท์หัวเราะเบาในลำคอ เสียงคล้ายระลอกน้ำในค่ำคืน
“หากข้าบั่นทอน...” เธอก้าวขึ้นจากน้ำ สายน้ำไหลหยดจากปลายผมลงตามแผ่นหลัง “ก็จงบั่นทอนข้ากลับ... ด้วยมือของเจ้า”
แสงจันทร์ล้อมรอบเรือนกายเปลือยเปล่าของเธอราวม่านมนตร์ ดรูอิดไม่ขยับ เขาเพียงยืนนิ่ง มองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนจากตัดสิน เป็น หิวกระหาย
ค่ำคืนนั้น ป่าทั้งผืนเงียบงัน พยานมีเพียงเงาไม้และเสียงน้ำไหล...
 ความตึงเครียดระหว่างเทพธิดาและผู้พิทักษ์ยังคงก่อเกิด รอเพียงจังหวะแรกของการลุกไหม้
—จบบทที่ 1—

ตอนที่ 2: มนตราแห่งความปรารถนาในป่าศักดิ์สิทธิ์


เงียบ... เงียบจนเสียงหัวใจดูจะดังกว่าธารน้ำที่ไหลเอื่อยในบ่อศักดิ์สิทธิ์
 เงียบจนแม้เสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ บนยอดไม้สูง ก็ดังชัดในอากาศอันเปียกชื้น
 เงียบ...แต่ไม่ว่างเปล่า
 มันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ยังคงพันธนาอยู่ระหว่างสายตาของเทพีและผู้พิทักษ์
อโฟรไดท์ยืนนิ่งกลางแสงจันทร์ที่ปะทะร่างอย่างไม่ปรานี พรายน้ำยังคงเกาะพราวบนผิวกายเนียนละมุนของเธอ ลมค่ำคืนแผ่วผ่านผิวเป็นริ้วบาง แซมกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าที่บานเฉพาะในยามวิกาล อวลคลุ้งกับกลิ่นน้ำแร่บริสุทธิ์—กลิ่นที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกลูบไล้ด้วยนิ้วมือที่มองไม่เห็น
ดรูอิดยังคงยืนนิ่ง แต่สายตาเขาเปลี่ยนไปแล้ว
 ไม่ใช่แค่ความดุดัน ไม่ใช่แค่ความไม่พอใจในคำท้าทายของเธอ
 มันคือความสับสนที่ปะปนอยู่กับความร้อนแรงในระดับที่แม้เปลวไฟก็ยังดูเย็นเฉียบ
อโฟรไดท์ก้าวขึ้นจากบ่อ เท้าเปล่าของเธอสัมผัสพื้นหินเย็นเยียบ ก่อนเหยียบลงบนมอสเขียวที่แน่นนุ่ม ราวกับผืนพรมที่ยื่นรับเธออย่างเคารพ เธอหยุดอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว สายตายังไม่ลดละ
"เจ้าเฝ้าป่ามานานเท่าใดแล้ว... ดรูอิด?"
 เสียงเธอนุ่มดั่งสายลมที่พัดผ่านทุ่งลาเวนเดอร์ เสียงที่เหมือนจะปลอบประโลม แต่แฝงความเย้ายวนอยู่ลึกในชั้นเสียง
"นานพอที่จะเห็นสิ่งงดงามร่วงโรย..."
 เขาตอบช้าๆ ดวงตาคมกริบยังจ้องลึกเข้ามาในเธอ "และนานพอที่จะเรียนรู้ว่า…ไม่ใช่ทุกสิ่งที่งดงามจะควรถูกแตะต้อง"
“งดงามหรือ?” เธอหัวเราะเบา เสียงนั้นราวกับระลอกคลื่นสะท้อนผนังถ้ำหิน “เจ้าพูดถึงข้า หรือพูดถึงป่าแห่งนี้?”
ดรูอิดไม่ตอบทันที เขาเพียงหลับตา สูดลมหายใจช้าๆ กลิ่นหอมจากกายเธอลอยปะปนเข้ามา กลิ่นที่ต่างจากกลิ่นดอกไม้ป่า—เป็นกลิ่นที่หวานลึก เย้ายวน และซับซ้อนราวกับน้ำผึ้งป่าเคล้าใบมินต์ที่อุ่นด้วยไฟกลางคืน
"ทั้งสอง" เขากล่าวในที่สุด "และทั้งสองก็ล่อแหลมพอๆ กัน..."
ความเงียบโรยตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยบางสิ่งที่แน่นข้นและร้อนจัด—ราวไอน้ำที่ระเหยจากหินอุ่นในราวป่าหลังฝน
อโฟรไดท์ขยับเข้าไปใกล้อีกหนึ่งก้าว ใกล้พอที่กลิ่นกายของเธอจะกลืนกลิ่นดินในลมหายใจเขา ใกล้พอที่ไออุ่นจากกายเปลือยของเธอจะแทรกเข้าใต้ผ้าคลุมของเขา
"เจ้าปกป้องความบริสุทธิ์... แล้วใยเจ้าจึงกลัวที่จะยอมรับความปรารถนา?"
มือของเธอยื่นออกไป ปลายนิ้วแตะที่ข้อมือของเขาเพียงเบา—แต่กลับราวกับอักขระโบราณถูกปลุกให้เรืองแสง สัมผัสนั้นส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างเข้าไปในเส้นเลือดของดรูอิด
เขาหลุบตาลง... กล้ามเนื้อขากรรไกรกระตุกเบา เขากำมือแน่น พยายามตรึงสติตนไว้กับผืนดิน ทว่าแรงต้านจากร่างกายกลับทรยศ
อโฟรไดท์ก้าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง เธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ห่างกันเพียงลมหายใจ—แผ่นอกของเขากับยอดอกเปลือยเปล่าของเธอแทบจะสัมผัสกัน เธอเงยหน้าขึ้น... แววตานั้นนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยปรากฏบนโอลิมปัส
“เจ้ารู้หรือไม่... ความงามไม่ใช่ศัตรูของความบริสุทธิ์—หากแต่เป็นกระจกสะท้อน ความจริงในหัวใจมนุษย์”
ออตมุสเงยหน้ามองเธอ—ชั่วขณะหนึ่ง ความแข็งกร้าวในดวงตาเขามลายหาย เหลือเพียงแววของชายผู้เหนื่อยล้า ชายผู้กดกลั้นแรงปรารถนามาทั้งชีวิตเพื่อแลกกับการพิทักษ์บางสิ่งที่ไม่อาจจับต้อง
มือเขาเอื้อมออกไปช้าๆ สัมผัสปลายนิ้วเธอ
 สัมผัสนั้น—อุ่น ละมุน และทรงพลังในแบบที่ไม่มีมนตราใดเทียบได้
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่มีคำใดจำเป็นอีกแล้ว
 มีเพียงการเคลื่อนไหวที่ค่อยๆ ร้อยรัดกัน...
 เสียงลมหายใจที่หนักขึ้นอย่างช้าๆ
 เสียงผิวเนื้อที่แตะกันเบาๆ
 เสียงลมหายใจของป่า ที่กลั้นไว้ราวกับเกรงใจ
กลิ่นกายของทั้งสองหลอมรวมในอากาศ กลิ่นดอกไม้และสมุนไพรเข้ากันกับกลิ่นเกลืออ่อนของผิวเปียกน้ำ
 ไออุ่นจากร่างสู่ร่าง... นิ้วที่ไล้ไปตามสันหลัง นิ้วที่สัมผัสบ่าแข็งแรง
 ริมฝีปากที่ยังไม่แตะ แต่เข้าใกล้จนไอร้อนปะทะกันราวเปลวไฟซ้อนเปลวไฟ
อโฟรไดท์หลับตา เธอรู้สึกถึงชีพจรของเขาที่เต้นรัวใต้ปลายนิ้ว
 ออตมุสดรูอิดโน้มหน้าลงต่ำ—ลมหายใจเขาแตะริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา
—ทว่าเขาหยุด... หยุดเพียงคืบเดียวก่อนจุมพิตแรกจะเกิดขึ้น
“ไม่... ข้าจะไม่ปลดปล่อยมันที่นี่” เสียงเขาแตกพร่า ดุดันปนสั่นเครือ “หากเจ้าต้องการ... จงเดินเคียงข้า เข้าสู่หัวใจของป่าจริงๆ... ที่ที่แม้เทพก็ยังมิอาจปลอมแปลงความปรารถนาได้”
อโฟรไดท์ลืมตา เธอจ้องเขานิ่ง แล้วพยักหน้าเพียงเล็กน้อย—ทว่ามันลึกซึ้งเกินคำใดจะบรรยาย
ค่ำคืนนี้ยังไม่สิ้นสุด
 มันเพิ่งเริ่มต้น... บนเส้นทางที่ลึกเข้าไปในป่า
 และลึกลงไปในหัวใจของกันและกัน
—จบบทที่ 2—

ตอนที่ 3: รุ่งอรุณแห่งเพลิงพิศวาส ณ บ่อน้ำพุจันทรา


พวกเขาเดินเคียงข้างกันในความเงียบของราตรี ดวงจันทร์เบื้องบนลอยเด่นในฟากฟ้า ม่านหมอกบางๆ ไหลรินผ่านแสงสีเงินที่รินรดเส้นทางในผืนป่า—ราวเทพีแห่งรัตติกาลกำลังโปรยแสงอวยพรให้แก่ผู้ที่กำลังจะหลอมรวมดวงวิญญาณเข้าด้วยกัน
เท้าเปล่าของอโฟรไดท์เหยียบย่ำผืนมอสที่เปียกชื้นจากหยาดน้ำค้าง ดอกไม้ป่าขนาดเล็กเบ่งบานแทรกขึ้นจากซอกหิน แมลงกลางคืนบินวนรอบแสงจันทร์ กลิ่นดินชื้น สะระแหน่ และใบไม้สดบดขยี้ใต้ฝ่าเท้า หลอมรวมกลิ่นอายแห่งธรรมชาติที่ปลุกเร้าทุกสัมผัส
เสียงลำธารค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา
 และในที่สุด… พวกเขาก็มาถึง
บ่อน้ำพุจันทรา ซ่อนตัวอยู่ในโพรงลึกของผาหินโบราณ—แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างเรืองรองจากแร่ใต้พื้นดิน ผิวน้ำสะท้อนจันทร์เต็มดวงดั่งกระจกเวทมนตร์ ผิวน้ำสั่นไหวเบาๆ เมื่อหมอกไออุ่นจากบ่อพวยพุ่งรอบตัว
อโฟรไดท์หยุดยืนริมขอบบ่อน้ำ สายลมเย็นกระทบผิวกายที่ยังเปลือยเปล่า เธอหันกลับมามองดรูอิด—ในดวงตาคู่นั้น มีทั้งคำถามและคำเชื้อเชิญ… แต่ไร้เสียงใดหลุดออกมา
เขาเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ ก้าวของเขาหนักแน่นและมั่นคง แต่แววตานั้นกลับร้อนแรง ราวจะเผาผลาญม่านหมอกรอบตัวให้หายสิ้น
ในที่สุด… เขายื่นมือออกมา สัมผัสแผ่วเบาบนใบหน้าของเธอ ปลายนิ้วหยาบของชายผู้ผ่านคืนฝนและเปลวเพลิง ลูบไล้ผิวแก้มที่นุ่มละมุนดั่งกลีบกุหลาบแรกแย้ม
อโฟรไดท์หลับตาเอนตัวแนบมือตามสัญชาตญาณ ความเย็นจากน้ำค้างบนผิวของเขาปะทะกับความร้อนในกายของเธอ เกิดเป็นแรงสั่นสะท้านในอก สะท้อนลงถึงหัวใจ
เขาโน้มตัวลง จูบริมฝีปากเธออย่างช้าๆ —สัมผัสแรกที่รอคอยมานานราวศตวรรษ
 รสจูบไม่เร่งเร้า แต่วาบหวาม เขาแนบแน่นขึ้นเมื่อเธอเผยอรับ ริมฝีปากบดเบา สลับจังหวะ เสียงหายใจสั่นระริกประสานกันจนยากจะแยกเสียงของใครเป็นของใคร
มือของเขาลูบไล้จากซอกคอไล่ลงตามแผ่นหลัง มือหนาแน่นกระชับโอบร่างเธอเข้าหา อกเปลือยเปล่าของเธอแนบอกเปลือยของเขา—ความร้อนแรงจากร่างกายของทั้งสองต้านลมหนาวแห่งราตรีได้อย่างน่าอัศจรรย์
เสียงครางต่ำ… เสียงถอนหายใจสั้น เสียงจูบแนบแน่นดังสลับเสียงน้ำไหล เสียงธรรมชาติเงียบลงราวทั้งป่ากำลังกลั้นลมหายใจเพื่อเปิดทางให้เพลิงพิศวาสได้ลุกโชน
อโฟรไดท์ดันเขาลงสู่บ่อน้ำช้าๆ
 สายน้ำอุ่นโอบล้อมร่างทั้งคู่ ขณะที่แสงจันทร์สะท้อนระยับบนผิวเปียก ปอยผมสีทองของเธอลอยรอบไหล่ดั่งเถาวัลย์ทองคำที่พันเกี่ยวไหล่เขาไว้
พวกเขาแนบชิดกันใต้ผิวน้ำ—นิ้วของเธอลูบผ่านกล้ามเนื้อแน่นที่ตึงเครียดของเขา ขณะที่เขาซุกใบหน้าไว้ที่ไหล่ของเธอ สัมผัสริมฝีปากลงบนผิวกายเปลือยทุกตารางนิ้วด้วยแรงโหยหาและยำเกรง
พวกเขาระเบิดออกมา—ด้วยจังหวะที่เร่าร้อน แรงสั่นไหวของผืนน้ำ กระเพื่อมไปตามแรงเคลื่อนไหว ราวกับดวงจันทร์เบื้องบนสะท้อนอารมณ์ของพวกเขาผ่านผิวน้ำ
ทุกจูบ… ทุกสัมผัส… กลายเป็นบทกวีที่เปล่งเสียงผ่านผิวหนัง
 ทุกลมหายใจที่กระชาก ทุกเสียงครางที่ปล่อยผ่านริมฝีปาก เป็นร่ายมนตร์ที่ไม่มีเทพใดจะขัดขวาง
เวลาผ่านไป… ไม่อาจนับชั่วโมงจากดวงดาว แต่จากอาการหอบเบา เสียงลมหายใจที่ยังไม่เรียบ เสียงน้ำไหลที่กลับมากระทบผิวน้ำเงียบๆ แทนเสียงกายปะทะ
อโฟรไดท์เอนตัวพิงเขาในน้ำ
 ออตมุสดรูอิดโอบเธอไว้แน่นในอ้อมแขน อ้อมกอดของผู้พิทักษ์ ที่แปรเปลี่ยนจากกำแพงเป็นอ้อมอก
“ข้ารู้สึก…” เขาเอ่ย เสียงของเขาไม่ดุดันอีกต่อไป แต่นุ่มลึกเหมือนไม้เก่าที่ผ่านไฟ
“รู้สึกอะไร?” เธอถามเบาๆ ปลายนิ้วลากวนบนอกเขาอย่างไร้แบบแผน
“ราวกับเจ้าหลอมละลายกำแพงทั้งหมดของข้า…”
 “และเปลี่ยนข้า… ให้กลายเป็นบางสิ่งที่อ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว”
เธอหลับตา… แล้วพูดเบาๆ ใกล้หูเขา “และข้ารู้สึกว่า… ข้าหยุดวิ่งแล้ว”
เขาขยับมองหน้าเธอ
 “จากอะไร?”
“จากความเบื่อหน่าย… จากความว่างเปล่าของโลกเทพ…” เธอยิ้มบาง “จากสิ่งที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับข้า เพราะข้าคืออโฟรไดท์”
เขายิ้มตอบ—ยิ้มที่เธอไม่เคยเห็นบนใบหน้าเขา
 เป็นยิ้มที่ไม่ใช่เพราะความสวยของเธอ ไม่ใช่เพราะชื่อเสียง หรือความเป็นเทพี
 แต่เป็นรอยยิ้มจากใครบางคน… ที่มองเห็น “เธอ” จริงๆ
เมื่อรุ่งอรุณเริ่มแตะแนวทิวเขา เสียงนกป่าร้องต้อนรับแสงแรกของวันใหม่ อโฟรไดท์ก้าวขึ้นจากบ่อน้ำ ชายผมทองยาวเปียกแนบแผ่นหลัง น้ำเกาะตามสันหลังอย่างเงียบงาม เธอหันกลับไปมองดรูอิดที่ยังยืนอยู่ในบ่อน้ำ ร่างกายเขาเปลือยเปล่าท้าทายแสงรุ่งเช้า ราวรูปปั้นโบราณที่ยังมีชีวิต
“เราต้องแยกจากกัน… จริงหรือ?” เธอถามเสียงเบา ดวงตาสะท้อนแสงอรุณที่เริ่มฉาบผืนฟ้า
“เทพี… ข้าผูกพันกับผืนป่านี้” เขากล่าวเรียบ “และเจ้าผูกพันกับฟากฟ้า”
เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปหาเขา
 ริมฝีปากแนบกันอีกครั้ง… เบากว่าครั้งไหนๆ แต่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
“แม้เราต้องแยกกัน… ข้าจะเก็บคืนคืนนี้ไว้ในหัวใจ” เธอเอ่ย
 “และข้าจะไม่ลืมสัมผัสของเจ้าในน้ำจันทรานี้… แม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม”
เขาส่งไม้เล็กๆ แกะสลักเป็นรูปเถาวัลย์ให้เธอ เป็นของจากป่า
 เธอจุมพิตมันเบาๆ ก่อนเก็บแนบอก แล้วหันหลังเดินหายเข้าในม่านหมอก
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องผ่านปลายยอดไม้
 ดรูอิดยังคงยืนนิ่ง—ริมบ่อน้ำ
 สายตาเขาเฝ้ามองจุดสุดท้ายที่เธอหายไป
ในแสงเช้านั้น เขายิ้มออกมาเล็กน้อย—เศร้า งดงาม และอบอุ่น

(นิยายจะมีตอนพิเศษ ที่คุณจะหาอ่านได้ในแบบฉบับ EBook ที่เดียว!)

— จบบริบูรณ์ —

🔹และหากคุณเป็น อโฟรไดท์ คุณอยากให้เธอได้พบกับอมนุษย์ตนไหนในป่าโบราณแห่งนี้? 

👉 กดเลือกอมนุษย์ตนต่อไป ที่นี่ 👈


แนะนำนิยาย

Prince Vassago | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม อโฟร์ไดท x 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ ลักษณะนิสัยของ เทพี: อโฟรไดท์ (Aphrodit...

นิยาย HIT