✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨

* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

{ปฐมบท} | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องมนต์: อโฟร์ไดทกับชู้รักทั้ง 9

{ปฐมบท} | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องมนต์: อโฟร์ไดทกับชู้รักทั้ง 9

    ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักทั้ง 9

    ลักษณะนิสัยของเทพี:
    อโฟรไดท์ (Aphrodite) ตามตำนานกรีก

    เทพีอโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความรัก ความงาม และกามารมณ์ ตามตำนานเธอมีบุคลิกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองของตำนานแต่ละยุคสมัย แต่โดยทั่วไป เธอมีลัษณะนิสัยดังนี้:

    เย้ายวนและเปี่ยมเสน่ห์ – อโฟรไดท์เป็นจุดศูนย์กลางของความงามและแรงดึงดูด เธอสามารถทำให้มนุษย์และเทพตกหลุมรักได้เพียงแค่ปรากฏตัว หรือเพียงแค่ปรายตามอง

    หลงใหลในความรักและความปรารถนา – เธอเป็นเทพีที่เชื่อในพลังของความรัก ไม่ใช่เพียงความรักอันบริสุทธิ์ แต่รวมถึงความหลงใหล กามารมณ์ และแรงปรารถนา

    เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ – เนื่องจากเธอเป็นตัวแทนของอารมณ์แห่งความรัก อโฟรไดท์มักมีความต้องการสูง และมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

    อ่อนไหวแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม – แม้ว่าเธอจะงดงามและน่าหลงใหล แต่เธอก็มีความฉลาดและสามารถใช้เสน่ห์ของเธอเป็นอาวุธในการควบคุมสถานการณ์

    ริษยาและเจ้าคิดเจ้าแค้น – ในบางตำนาน อโฟรไดท์มีความริษยาผู้หญิงที่งามกว่าหรือได้รับความสนใจมากกว่า เช่นในตำนานของ Psyche และ Helen of Troy

    บรรยายรูปลักษณ์ของอโฟรไดท์:

    "เธอเป็นดั่งบทกวีที่ถูกหลอมรวมเป็นสตรี—ผิวของเธอเปล่งประกายราวกับน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมเป็นระลอกคลื่นแห่งทองคำ สยายลงมาดุจน้ำตกที่ต้องแสงจันทร์ ดวงตาของเธอจับต้องวิญญาณของผู้ที่สบมอง—สีของมันเป็นดังมหาสมุทรยามรุ่งอรุณ ทั้งลึกลับและเร่าร้อน"

    "ริมฝีปากของเธอแดงราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม โค้งรับกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้เหล่าทวยเทพยอมจำนน ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ไปตามผิวของโลกด้วยความอ่อนโยน แต่เพียงสัมผัสเดียวก็สามารถปลุกเปลวไฟแห่งกามารมณ์ให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของมนุษย์และเทพองค์อื่นๆ"

    "เมื่อเธอเดินผ่าน สายลมก็โอนอ่อนดั่งกำลังร่ำร้องหาเธอ แม้แต่ดอกไม้ก็เบ่งบานเมื่อปลายเท้าเธอสัมผัสพื้นดิน เทพีอโฟรไดท์—เธอไม่ใช่เพียงความงาม แต่เป็นอำนาจแห่งความรัก เป็นไฟปรารถนาอันไม่มีวันมอดดับ"

    ประวัติโดยละเอียดของอโฟรไดท์ในตำนานกรีก

         อโฟรไดท์เป็นหนึ่งในเทพแห่งโอลิมปัส เธอมีสองตำนานหลักเกี่ยวกับการกำเนิด:

    1. กำเนิดจากฟองทะเล – ตำนานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เธอเกิดขึ้นจากฟองทะเล (Aphros) เมื่อไททันโครนัสตัดอวัยวะเพศของเทพยูเรนัส (Uranus) และโยนมันลงสู่มหาสมุทร เลือดของยูเรนัสกระจายตัวและสร้างฟองน้ำขึ้นมา ก่อนที่อโฟรไดท์จะถือกำเนิดขึ้นจากเปลือกหอยและลอยไปยังเกาะไซปรัส (Cyprus)

    2. ธิดาของซุสและไดโอนี (Zeus & Dione) – อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เธอเป็นลูกสาวของเทพซุสกับไททันนีด ไดโอนี (Dione)

         อโฟรไดท์ได้รับการยกย่องในหลายพื้นที่ของกรีซ โดยเฉพาะในไซปรัส ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของเธอ

    รายชื่อคู่รักของเทพีอโฟรไดท์
         อโฟรไดท์มีคู่รักมากมาย ทั้งเทพและมนุษย์ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอันร้อนแรงและโศกนาฏกรรมอันงดงาม

    1. เฮฟีสทัส (Hephaestus) - เทพแห่งช่างตีเหล็ก: อโฟรไดท์ถูกบังคับให้แต่งงานกับเทพเฮฟีสทัสตามคำสั่งของซุส เฮฟีสทัสรักเธอมาก แต่เธอไม่ได้รักเขา และมีชู้กับชายอื่น

    2. แอเรส (Ares) - เทพแห่งสงคราม: หนึ่งในคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลระหว่างความรักและสงคราม พวกเขามีบุตรร่วมกันหลายองค์ เช่น Eros (กามเทพ), Harmonia, Phobos (ความกลัว) และ Deimos (ความหวาดกลัว)

    3. แอดอนิส (Adonis) - มนุษย์หนุ่มรูปงาม: แอดอนิสเป็นชายหนุ่มที่อโฟรไดท์ลุ่มหลงอย่างสุดหัวใจ เธอรับเขามาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อโตขึ้น เธอก็ตกหลุมรักเขาจากการบังเอิงระหว่างเล่นกับอีรอสแล้วเธอพลั้งไปถูกศรทองของเขาสะกิดและแอดโดนิสก็บังเอิญเดินผ่านมา แต่ในที่สุด เขาถูกหมูป่าที่เทพแอเรสที่หึงหวงแปลงตัวมาทำร้ายจนเสียชีวิต อโฟรไดท์โศกเศร้าและเปลี่ยนเลือดของเขาให้กลายเป็นดอกไม้ anemone

    4. แองไคซีส (Anchises) - มนุษย์และเจ้าชายโทรจัน: ซุสต้องการลงโทษอโฟรไดท์ที่ทำให้เทพองค์อื่นตกหลุมรักมนุษย์ จึงบันดาลให้เธอหลงรักแองไคซีส
    เธอมีบุตรกับเขาชื่อว่า Aeneas ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งกรุงทรอย

    5. เฮอร์มีส (Hermes) - เทพแห่งการสื่อสาร
    เฮอร์มีสหลงรักอโฟรไดท์ และจากความสัมพันธ์นี้ พวกเขามีบุตรชื่อ Hermaphroditus ซึ่งมีลักษณะทั้งชายและหญิง

    ภาพโดยรวม:
         อโฟรไดท์เป็นเทพีที่เปี่ยมเสน่ห์ มีบุคลิกที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ทั้งงดงาม อ่อนไหว เร่าร้อน แต่ก็มาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์และอารมณ์ที่รุนแรง เธอมีคู่รักมากมาย ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และสามารถตีความได้หลากหลายมิติ

         เธอไม่ใช่แค่เทพีแห่งความรักและความงาม แต่เป็นตัวแทนของแรงปรารถนา ความเย้ายวน และอำนาจแห่งเสน่ห์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย


    เทพนิยาย Romance Fantasy Erotic



    แก้ไ

    เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องมนต์

    • โดย: B.Zab
    • ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ม่านหมอกยามเช้าคลี่ตัวแผ่วเบาเหนือโอลิมปัส ขณะที่ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีทองอ่อนละมุน แสงแรกแห่งวันหอมกรุ่นด้วยกลิ่นของดอกไม้อันลึกลับซึ่งผลิบานตามแนวทางเดินของอโฟรไดท์ กลีบดอกไม้สั่นไหวตามจังหวะฝีเท้าของเธอ แผ่วเบาแต่เปี่ยมด้วยพลัง แฝงไว้ซึ่งแรงดึงดูดเร้าอารมณ์ดุจคำเชื้อเชิญจากเทพีแห่งความปรารถนา

Aphrodite เทพีแห่งความรัก ความงาม และกามารมณ์แห่งโอลิมปัส ผู้ที่มีรูปโฉมที่งดงามไร้ซึ่งที่ติ ทุกย่างก้าวของเธออบอวลไปด้วยเสน่หาอันยวนเย้า และความตื่นเร้าอารมณ์ ที่ไม่มีผู้ใดอาจต้านทานตามคำขับขานของบัลลาดแห่งยุคสมัย: 

"เธอเป็นดั่งบทกวีที่ถูกหลอมรวมเป็นสตรี—ผิวของเธอเปล่งประกายราวกับน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมเป็นระลอกคลื่นแห่งแสงตะวันแรกแห่งรุ่งอรุณ สยายลงมาดุจน้ำตกที่ต้องแสงจันทร์ ดวงตาของเธอจับต้องวิญญาณของผู้ที่สบมอง — สีของมันเป็นดังมหาสมุทรยามรุ่งอรุณ ทั้งลึกลับและเร่าร้อน"

"ริมฝีปากของเธอแดงราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม โค้งรับกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้เหล่าทวยเทพยอมจำนน ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ไปตามผิวของโลกด้วยความอ่อนโยน แต่เพียงสัมผัสเดียวก็สามารถปลุกเปลวไฟแห่งกามารมณ์ให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของมนุษย์และทวยเทพ"

"เมื่อเธอเยื้องย่างก้าวผ่านภพ สายลมก็โอนอ่อนดั่งกำลังร่ำร้องหาเธอ แม้แต่ดอกไม้ก็เบ่งบานเมื่อปลายเท้าเธอสัมผัสพื้นดิน 

‘เทพีอโฟรไดท์’ — เธอไม่ใช่เพียงความงาม แต่เป็นอำนาจแห่งความรัก เป็นไฟปรารถนาอันไม่มีวันดับมอด" 

เจ้าของร่างระหงโปร่งบาง เยื้องบาทก้าวออกจากวิหารของตนอย่างสง่างาม แม้จะไร้มงกุฎทองของเฮฟิสตัสที่เคยประดับประดาอย่างงดงามที่บนศีรษะ หากแต่รัศมีของเธอกลับยิ่งเปล่งปลั่งกว่าเคย รัศมีแห่งอิสระ เสรีภาพ! อิสระ! อิสระ! เรือนผมสีทองยาวสลวยไหลรินลงมาตามลาดไหล่เปลือยเปล่า พลิ้วไปตามสายลมอ่อนราวกับเส้นไหม ดวงตาสีฟ้าอำพันทอดมองลงไปยังโลกเบื้องล่างที่กำลังหลับใหลด้วยสายตาที่เปล่งแสงระยิบระยับ 

เธอกำลังเบื่อหน่าย... กับเรื่องราวไร้สาระที่เธอกับแอรีสเทพแห่งสงครามที่กระทำร่วมกันมา

แต่เสียงกระซิบ... เสียงพึมพำแผ่วเบา ที่เธอได้ยินจากเทพและเทพีบางองค์ที่อาจบังเอิญหยุดปากไม่ทันในขณะที่พวกเขาสวนทางมาเพราะมัวตั้งอกตั้งใจวิเคราะห์วิจารณ์ในคดีอันอื้อฉาวต่อกันและกันเหมือนแมลงวันตอมซากเน่าจนไม่ทันสังเกตเห็นเธอ ผู้เป็นต้นเหตุของกระแสข่าว 

เสียงกระซิบ...แม้จะได้ยินเพียงแผ่วเบาแต่ก็จับใจความได้ทั้งหมด และเสียงแผ่วเบาเหล่านั้นมักจะสะท้อนดังอยู่ในหัวใจของเทวีสาว ที่ครั้งหนึ่งถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับเทพเจ้าที่เธอไม่เคยรักใคร่ใยดี และตอนนี้เธอยังต้องมาแบกรับความรู้สึกเสมือนถูกจ้องมองผ่านม่านโปร่งบางของกำแพงกฎเกณฑ์และบทบัญญัติอันโบร่ำโบราาณ ไร้สาระ การถูกตำหนิติฉินนินทา และบางสิ่งที่ได้ยินทำให้อโฟรไดท์กลั้นหายใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้ม... รอยยิ้มจากริมฝีปากฉ่ำหวานที่ฉาบไว้ด้วยยาพิษและความเจ้าเล่ห์ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ที่แม้แต่ซุสและโพไซดอนก็ยังคงหลงใหล คลั่งไคล้ในเสน่ห์เล่ห์กลของเธอ

กลิ่นหอมจางๆ ของดอกลิลลี่ผสมกับกลิ่นกลีบกุหลาบลอยตามผิวกายของเธอ — กลิ่นหอมของผิวหนังและน้ำหอมจากสรวงสวรรค์ ถูกออกแบบมาเพื่อยั่วเย้าให้ทุกจิตใจสั่นไหว ชุดของเธอที่สวมใส่ในวันนี้คือผ้าชีฟองโปร่งแสงบางเบาสีงาช้าง ที่ไล้โอบตามสัดส่วนอย่างไร้ความปรานี แหวกลงตรงร่องอกอันอวบอิ่มอย่างเปิดเผย กลีบเนื้อแนบแน่นใต้เนื้อผ้าราวกับจะเชิญชวนให้ลูบไล้สัมผัสมัน

อโฟรไดท์หลับตา สูดลมหายใจ กลิ่นควันหอมจากเครื่องหอมที่เผาไว้ในวิหารยังอ้อยอิ่งติดจมูก รสชาติของเช้าวันใหม่กรุ่นอยู่บนปลายลิ้น — เธอสัมผัสได้ถึงอิสระที่กำลังไหลเวียนเข้ามาในกายอย่างเร้าใจ ความอึดอัดในหัวใจสลายไปกับเสียงลมที่พัดผ่านผ่านต้นไม้ภายนอกระเบียง และแสงแดดที่อาบไล้เรือนร่างของเธอราวกับแสงของสายฟ้าที่มาจากเทพเจ้า...ซุส

นั่นคือจุดเริ่มต้น

"ข้าไม่ใช่นักโทษของคำพิพากษาใคร..." เธอกระซิบเสียงต่ำ เสียงของเธอคล้ายเสียงเพลงที่ลื่นไหลเย้ายวน บาดลึกถึงใต้ผิวหนัง แล้วปลุกเร้าอะไรบางอย่างที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น

เธอยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่ผ้าคลุมบางเฉียบจะโบกสะบัดเบาๆ เมื่อเธอก้าวเข้าสู่ประตูมิติที่เปิดขึ้นกลางอากาศอย่างนุ่มนวล

สัมผัสแรกของโลกมนุษย์คือกลิ่นดินอับชื้น กลิ่นหญ้าเขียวสดปะทะจมูกในทันที ลมจากภูเขาเย็นเฉียบจนทำให้เธอขนลุกซู่ และยิ่งทำให้ยอดอกทั้งสองที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดบางเบาอัดแน่นชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับมันพวกจะตื่นขึ้นเพื่อตอบสนองต่ออากาศใหม่ อโฟรไดท์ยืนอยู่กลางป่า... ป่าโบราณต้องห้ามที่ถูกร่ำลือมานานว่าเป็นดินแดนรอยต่อของนรกและสวรรค์ ดินแดนที่แม้แต่เทพเจ้าเองยังไม่กล้าย่างกราย หากไร้จุดประสงค์

แต่เธอมีจุดประสงค์ของเธอในใจ...

เสียงกิ่งไม้แตกดังขึ้นจากเบื้องล่าง ก่อนที่เงาใหญ่จะเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบผ่านพุ่มไม้

ดวงตาสีฟ้าอำพันของเธอหรี่ลงอย่างอ้อยอิ่ง ช้าๆ แต่น่าหลงใหล ริมฝีปากสีแดงสดคลี่เผยอเล็กน้อย กลีบปากที่นุ่มชื้นเหมือนกลีบกุหลาบหลังฝน มันขยับยกเป็นรอยยิ้มบางเบา ขณะที่เธอยกมือขึ้นมาแตะไล้ที่ลำคอของตัวเองเล่นเบาๆ ราวกับจะลูบไล้ให้รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัว .. เต้นเร้าอยู่ภายใน

เงากระด้างเงาหนึ่งปรากฏชัดขึ้นเป็นรูปร่างของใครผู้หนึ่ง — สูงสง่า ผิวขาวซีดราวหินอ่อน ดวงตาดำสนิทราวกลางคืนที่ไร้ดวงจันทร์ เขาคืออดีตของเทพเจ้าองค์หนึ่งที่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเอ่ยนามเขาแม้แต่ในบทสวดมนต์ในวิหารอันรกร้าง ร่างกายแข็งแกร่งภายใต้เสื้อคลุมสีดำที่ปลิวตามลม กลิ่นกำยานและควันไฟแฝงอยู่ในทุกอณูอากาศเมื่อเขาเข้าใกล้

อโฟรไดท์ไม่ขยับ — ไม่ใช่เพราะความขลาดกลัวอย่างแน่นอน เพราะแม้ว่าเธอจะเป็นเทพีแห่งความรักและความงดงาม แต่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยเป็นหนึ่งในเทพีที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามสงคราม และเพราะเธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นแม้จะอันตราย... แต่ก็เร้าใจ

เขาไม่เอ่ยคำใด เพียงแค่ก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจับจ้องที่เรือนร่างของเธออย่างแน่วแน่ ราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งที่เป็นเธอ

อากาศหนาวเย็นลงในชั่วพริบตา หัวใจอโฟรไดท์เต้นแรง หอบหายใจถี่แรง และในช่องท้องนั้นหรือก็ร้อนผ่าว ความปรารถนาอันมิอาจควบคุมค่อยๆ ก่อตัวราวกับไฟลุกใต้ผิวหนังที่ผ่องขาว ละเอียดละออ

อโฟรไดท์ยิ้ม... ซึ่งมันไม่ใช่รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยร่องรอยประชดประชันที่เธอมักยิ้มเสมอยามอยู่ท่ามกลางเทพขี้ริษยาบนโอลิมปัส ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งชัยชนะ แต่คือรอยยิ้มของผู้ที่พบสิ่งถูกใจ น่าใคร่ น่าลิ้มลอง และเธอก็ใคร่รู้ที่จะสัมผัสถึงมัน

"เจ้าตั้งใจจะทำให้ข้ากลัวเจ้า...ใช่หรือเปล่า?" เธอกระซิบ ขณะเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่โตตรงหน้า เป็นความเย้ายวนที่เคลื่อนไหวไปกับด้วยกันได้อย่างงดงามกับสัดส่วนที่งามสะพรั่ง — หน้าอกที่กระเพื่อมไหวตามแรงลมหายใจถี่กระชั้น สะโพกที่ขยับอย่างยวนเย้า และผิวเนื้อนวลขาวที่แทบจะเปล่งแสงในยามต้องแสงจันทร์ที่ส่องลอดยอดไม้ลงมา

เสียงฝีเท้าของเธอเบาราวกับสาวนักเต้นรำผู้ยวนเย้าเร้าอารมณ์ ผิวเท้าที่เปลือยเปล่ากระทบพื้นหญ้าที่ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกทุกย่างก้าว ตัดกับไอร้อนผะผ่าวจากผิวกายของเธอที่เหมือนจะลุกเป็นไฟ

...และเมื่อระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือเพียงลมหายใจ

เขาเอื้อมมือขึ้น ลูบไล้แนวแก้มของเธอเบาๆ นิ้วมือของเขาเย็นราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่อสัมผัสเข้ากับผิวของอโฟรไดท์ มันกลับทำให้ร่างกายเธอสั่นสะท้าน ความร้อนจากร่างกายของเธอและความเยือกเย็นของเขาปะทะกันเป็นประกายความรู้สึกที่จุดระเบิดขึ้นได้ในทุกเส้นประสาท

เสียงหัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ร่างกายอวบอัดขาวผ่องสะท้อนขึ้นลงเล็กน้อยในขณะที่ปลายนิ้วของเขาลูบไล้ลงมาที่ลำคอ... หน้าอกอวบอิ่ม... สะดือหลุมตื้นๆ... จนเกือบถึงขอบสะโพกที่น่ารัญจวนใจ

อโฟรไดท์ไม่ได้ถอยหนี... เธอยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างท้าทาย ละม้ายจะยินดีให้เขาได้สำรวจร่างกายของเทพีแห่งความปรารถนามากเท่าที่เขาจะปรารถนา

"ข้าจะพักอยู่ในโลกมนุษย์นี้สักพัก..." เธอเอ่ยเสียงพร่า "...ตราบใดที่เจ้ากล้าเผชิญกับสิ่งที่ข้าเป็น"

และที่นั่น — ใต้เงาไม้ที่ล้อมรอบด้วยไอหมอกแห่งป่าต้องห้าม เสียงลมหายใจที่ประสานกันระหว่างเทพีแห่งความปรารถนาและเงาร่างปริศนาที่ดังก้องในความเงียบ...

ความต้องการที่ยังไม่สิ้นสุด เริ่มต้นขึ้นที่นี่ — ในราตรีแรกของการเดินทางของอโฟรไดท์... ที่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

(จบปฐมบท)

🔹 หากคุณคือ 'อโฟรไดท์' คุณอยากจะพบกับใครในป่าโบราณแห่งนี้?

*** หมายเหตุ: เมื่อคุณกดเลือกทางเลือกของอโหรไดท์ แม้จะมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน แต่นิยายจะกลายเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้อง ข้องเกี่ยวหรือเกี่ยวเนื่องกัน นิยายจะเป็นไปในเรื่องราวที่หลากหลาย ตื่นเต้น ผจญภัยมากน้อยต่างกัน แต่ใดๆ ยังคงไว้ซึ่งความโรแมนติกสุดเข้มข้นในสไตล์แฟนตาซี ที่คุณจะหาอ่านได้ ที่นี่ ที่เดียว! ***


















ตำนาน: 

แก้ไข
วีนัส, อโฟรไดท์ (เทพปกรณัม)

กำเนิดแห่งวีนัส: เทพธิดาแห่งความรักและความปรารถนา

บทที่ 1: ฟองคลื่นแห่งโชคชะตา

กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ที่ซึ่งสายลมแห่งนิรันดร์โบกไหวและเกลียวคลื่นสีเงินส่องประกายต้องแสงจันทร์ อุบัติการณ์แห่งโชคชะตากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...

เสียงกระแทกของดาบแห่งไททัน โครนัส ฟาดฟันลงสู่ร่างของบิดา—ยูเรนัส เทพแห่งท้องนภา ในขณะที่หยาดโลหิตสีแดงเข้มไหลรินสู่น่านน้ำลึก ค่อย ๆ ซึมซับเข้าสู่ฟองคลื่นสีขาวราวปุยเมฆ ท้องทะเลพลันเกิดปฏิกิริยาประหลาด—จากหยาดโลหิตแห่งสวรรค์ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นฟองน้ำมหัศจรรย์ที่เปล่งประกายระยิบระยับราวอัญมณีแห่งเทพ

เปลือกหอยอันบริสุทธิ์ ผุดขึ้นจากก้นมหาสมุทร ประหนึ่งของขวัญแห่งธรรมชาติที่ถูกปลุกขึ้นจากการหลับใหล…และที่นั่น เธอ กำลังจะถือกำเนิด

เสียงเพลงแห่งสายลมพัดผ่าน เหล่าคลื่นน้ำโอบอุ้มร่างหนึ่งที่ค่อย ๆ เผยออกจากภายในเปลือกหอยสีกุหลาบอ่อน เทพธิดาผู้มีเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ งดงามราวอรุณรุ่งของโลก

อโฟรไดท์ — เทพธิดาแห่งความรักและความงาม ปรากฏกายขึ้นในภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ ร่างเปลือยเปล่าของเธอเรืองรองด้วยแสงสีทองอ่อนละมุนจากฟองคลื่นที่ห่อหุ้ม เส้นผมของเธอพลิ้วไหวดุจม่านแพรทอง ร่วงหล่นลงราวเส้นไหมต้องแสงจันทร์ ลำแขนเรียวบางของเธอยกขึ้นอย่างช้า ๆ ริมฝีปากสีดอกกุหลาบขยับเล็กน้อย…ลมหายใจแรกของเธอเป็นเสียงกระซิบของมหาสมุทร

เสียงคลื่นซัดกระทบฝั่ง และสายลมพัดพากลีบดอกไม้นับพันให้ปลิวไสวล้อมรอบร่างเธอไว้…กลิ่นหอมของเกลือทะเลและดอกไม้ป่าหลอมรวมกัน กลายเป็นกลิ่นแห่งความพิศวงและเสน่ห์ลึกลับที่ไม่มีใครอาจต้านทานได้


บทที่ 2: เส้นทางสู่โอลิมปัส

หากความงามของอโฟรไดท์เปรียบดั่งรุ่งอรุณของโลก การเดินทางของเธอสู่โอลิมปัสก็คือมหากาพย์แห่งโชคชะตาที่ถูกลิขิต

เทพธิดาแห่งฤดูกาล—โอไร (Horae) ปรากฏกายขึ้นจากละอองไอทะเล เธอทั้งสามโอบอุ้มร่างของอโฟรไดท์ไว้ด้วยผืนแพรอันวิจิตร ม่านเนื้อบางโปร่งสีฟ้าอ่อนที่ประดับด้วยอัญมณีสะท้อนแสงรุ้งเมื่อสัมผัสต้องแสงอาทิตย์ แพรวพราวราวประกายดาว

อาชาศึกแห่งโอลิมปัส ห่อหุ้มด้วยอานม้าอันประดับประดาด้วยทองคำและหินล้ำค่า กำลังรอพาเธอมุ่งสู่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ สายลมพัดโบกเหนือมหาสมุทร เมื่อดวงตาสีฟ้าของอโฟรไดท์จับจ้องไปยังทิวเขาสูงตระหง่านของโอลิมปัส ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ—เธอกำลังจะได้พบกับเหล่าทวยเทพ

เสียงกลองศักดิ์สิทธิ์ดังสะท้อนก้องทั่วท้องฟ้า เมื่ออโฟรไดท์ก้าวลงจากราชรถ สายตาของเหล่าเทพทั้งปวงจับจ้องมายังเธอ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะเทียบได้กับความงดงามของเธออีกแล้ว

ซุส ผู้เป็นราชาแห่งโอลิมปัสทอดพระเนตรเทพธิดาผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มแฝงความหมาย “เจ้าคือบุตรีแห่งท้องทะเล และบัดนี้ เจ้าคือหนึ่งในพวกเรา”

เสียงกระซิบของสายลม ความเงียบที่เต็มไปด้วยความพิศวงปกคลุมทั่วโอลิมปัส ก่อนที่เหล่าเทพจะเปล่งเสียงชื่นชมและเฉลิมฉลองให้กับการมาถึงของเธอ


บทที่ 3: รักต้องห้ามและคำทำนายแห่งชะตากรรม

แม้ว่าความงามของอโฟรไดท์จะเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งโอลิมปัส แต่ก็เป็นดั่งคำสาปแห่งความปรารถนา—ไม่มีบุรุษใดอาจต้านทานเสน่ห์ของเธอได้

แววตาของอาเรส เทพแห่งสงคราม เฝ้ามองเธอราวกับนักล่าจับจ้องเหยื่อ ขณะที่ เฮฟีสทัส เทพแห่งโลหะกรรม แม้จะไม่ใช่นักรบผู้แข็งแกร่ง แต่ก็วางแผนเพื่อครอบครองหัวใจเธอ

ดอกไม้หลากสีผลิบานเมื่อเธอก้าวย่าง แต่ในเงามืดของโอลิมปัส พลังแห่งคำทำนายก็เริ่มต้นขึ้น เสียงกระซิบจากนรกบอกเล่าเกี่ยวกับความรักต้องห้าม ความหลงใหลที่อาจนำพาหายนะมาสู่เหล่าทวยเทพ

“ความรักของเธอจะทำให้เทพและมนุษย์ต้องหลั่งเลือด”

แต่ในหัวใจของอโฟรไดท์ ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญเท่ากับการได้รักและเป็นที่รัก เธอคือเทพธิดาแห่งความรักที่ไร้ขอบเขต ไม่มีพันธนาการใดอาจกักขังเธอได้—ไม่ว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม


ความงามที่ไม่มีวันเลือนหาย:

เมื่อเธอเหยียบลงบนพื้นพิภพ ทุกย่างก้าวของเธอทำให้ดอกไม้นับพันเบ่งบาน ขับกล่อมด้วยเสียงแห่งธรรมชาติ บรรยากาศรอบตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนละมุน ราวกับว่าโลกทั้งใบถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโอบกอดเธอ

อโฟรไดท์ ไม่ใช่เพียงเทพธิดาแห่งความรัก แต่เธอคือคำสัญญาของความงดงามที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ชื่อของเธอจะยังคงถูกกล่าวขานในทุกยุคสมัย

เพราะเธอคือ รักแรก ที่ไม่มีวันตาย...


ตำนานกรีก (เทพปกรณัม) : อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ

 












การแต่งงานและบุตรหลานของเธอ

แก้ไข

พีโธนำพาเอรอสมาให้อโฟรไดท์ตักเตือนเขาในสวน ขณะที่แอนเทรอสหัวเราะเยาะเย้ยเขาเพราะเอรอสถูกทำโทษเนื่องจากเขาเลือกเป้าหมายผิดพลาดด้วยความซุกซน (เทพปกรณัม)

แอโฟรไดท์ถูกพรรณนาอย่างสม่ำเสมอว่าเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานและน่าปรารถนาอย่างยิ่ง โดยไม่เคยมีวัยเด็ก เธอถูกพรรณนาในสภาพเปลือยบ่อยครั้ง ในอีเลียด แอโฟรไดท์เป็นคู่ครองที่ดูเหมือนจะไม่ได้แต่งงานของเอเรสเทพเจ้าแห่งสงคราม และภรรยาของเฮฟเฟสตัสเป็นเทพธิดาอีกองค์หนึ่งชื่อคาริส 

ในทำนองเดียวกันใน Theogony ของเฮเซียด แอโฟรไดท์ยังไม่แต่งงาน และภรรยาของเฮฟเฟสตัสคือ อาเกลีย ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องของชาวคาริสทั้งสาม

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือเล่มที่แปดของโอดีสซี นักร้องตาบอดเดโมโดคัสบรรยายถึงอโฟรไดท์ว่าเป็นภรรยาของเฮฟเฟสตัส และบอกเล่าถึงการที่เธอได้กระทำผิดประเวณีกับเอเรสระหว่างสงครามเมืองทรอย เฮลิออสเทพแห่งดวงอาทิตย์เห็นอโฟรไดท์และเอเรสมีเพศสัมพันธ์กันบนเตียงของเฮฟเฟสตัส และเตือนเฮฟเฟสตัส ซึ่งได้สร้างตาข่ายที่สวยงามแทบมองไม่เห็น ครั้งต่อไปที่เอเรสและอโฟรไดท์มีเพศสัมพันธ์กัน ตาข่ายได้ดักจับพวกเขาไว้ทั้งคู่ เฮฟเฟสตัสนำเทพเจ้าทั้งหมดเข้าไปในห้องนอนเพื่อหัวเราะเยาะคนล่วงประเวณีที่ถูกจับ แต่อพอลโล เฮอร์มีส และโพไซดอนเห็นใจเอเรส และโพไซดอนตกลงที่จะจ่ายเงินให้เฮฟเฟสตัสเพื่อปล่อยตัวเอเรส อโฟรไดท์กลับไปยังวิหารของเธอในไซปรัส ซึ่งเธอได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลคาไรต์ เรื่องเล่านี้น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากนิทานพื้นบ้านกรีก ซึ่งเดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับโอดีสซี 

ในรายละเอียดเพิ่มเติมที่แทรกเข้ามาในภายหลัง: 

อาเรสแต่งตั้งให้อเลคทริออนทหารหนุ่มไว้ที่ประตูเพื่อเตือนถึงการมาถึงของเฮลิออส แต่อเลคทริออนดันเผลอหลับไปขณะปฏิบัติหน้าที่เฝ้ายาม เฮลิออสพบทั้งสองคนและแจ้งให้เฮฟเฟสทัสทราบ อาเรสโกรธจัดจึงเปลี่ยนอเลคทริออนให้กลายเป็นไก่ ซึ่งส่งเสียงขันไม่หยุดเพื่อประกาศพระอาทิตย์ขึ้น

หลังจากเปิดเผยพวกเขาแล้ว เฮฟเฟสตัสก็ขอให้ซุสคืนของขวัญแต่งงานและสินสอดทองหมั้นให้เขา ในช่วงสงครามเมืองทรอย เขาได้แต่งงานกับคาริส (อักเลอา) หนึ่งในเกรซ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหย่าร้างจากอโฟรไดท์แล้ว .. หลังจากนั้น โดยทั่วไปแล้ว อาเรสเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสามีหรือคู่ครองอย่างเป็นทางการของเทพธิดา บนแจกันฟรองซัวส์ทั้งสองมาถึงงานแต่งงานของเพลีอุสและธีทิสบนรถม้าคันเดียวกัน เช่นเดียวกับที่ซุสทำกับเฮร่า และโพไซดอนทำกับแอมฟิไทรต์กวีพินดาร์และเอสคิลัสอ้างถึงอาเรสว่าเป็นสามีของอโฟรไดท์

เรื่องราวในเวลาต่อมาถูกคิดค้นขึ้นเพื่ออธิบายการแต่งงานของอโฟรไดท์กับเฮเฟสตัส ในเรื่องราวที่มีชื่อเสียงที่สุด:

1. ซูสได้แต่งงานกับอโฟรไดท์อย่างรีบเร่งกับเฮเฟสตัส เพื่อป้องกันไม่ให้เทพเจ้าองค์อื่นต่อสู้เพื่อเธอ 

ส่วนในตำนานอีกเวอร์ชันหนึ่ง:

2. เฮเฟสตัสได้มอบบัลลังก์ทองคำให้กับเฮร่าแม่ของเขา แต่เมื่อเธอนั่งบนบัลลังก์นั้น เธอก็ถูกขังไว้ และเขาปฏิเสธที่จะปล่อยเธอไปจนกว่าเธอจะตกลงที่จะมอบมือของอโฟรไดท์ให้กับเขา 

เฮฟเฟสตัสดีใจมากที่ได้แต่งงานกับเทพีแห่งความงาม และได้ตีเครื่องประดับที่สวยงามให้กับเธอ รวมทั้งสโตรฟิออน (στρόφιον) ที่รู้จักกันในชื่อเคสทอส ฮิมาส (κεστὸς ἱμάς) ชุดชั้นในทรงกากบาท (มักแปลว่าเข็มขัดรัดหน้าท้องของอโฟรไดท์) ซึ่งเน้นหน้าอกของเธอ และทำให้เธอไม่อาจต้านทานผู้ชายได้มากยิ่งขึ้น สโตรฟิออนดังกล่าวมักใช้ในการพรรณนาเทพีแห่งตะวันออกใกล้ .. อิชทาร์และอาทาร์กาติส


ความรักของอโฟรไดท์ต่อแอนไคซีส

แก้ไข
ความรักของอโฟรไดท์ต่อแอนไคซีส

ครั้งหนึ่งซูสรู้สึกหงุดหงิดกับอโฟรไดท์ที่ทำให้เทพเจ้าตกหลุมรักมนุษย์ จึงทำให้เธอตกหลุมรักแอนไคซีสชายเลี้ยงแกะรูปงามที่อาศัยอยู่เชิงเขาใต้ภูเขาไอดาใกล้กับเมืองทรอย อโฟรไดท์ปรากฏตัวต่อแอนไคซีสในร่างของหญิงพรหมจารีรูปร่างสูงใหญ่สวยงามในขณะที่เขาอยู่คนเดียวในบ้านของเขา แอนไคซีสเห็นเธอสวมเสื้อผ้าสีสดใสและเครื่องประดับแวววาว หน้าอกของเธอเปล่งประกายด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เขาถามเธอว่าเธอคืออโฟรไดท์หรือไม่ และสัญญาว่าจะสร้างแท่นบูชาให้เธอบนยอดเขา หากเธอจะอวยพรเขาและครอบครัวของเขา

อโฟรไดท์โกหกเขาว่าเธอไม่ใช่เทพธิดา แต่เป็นลูกสาวของตระกูลขุนนางแห่งหนึ่งของฟรีเจีย เธออ้างว่าสามารถเข้าใจภาษาทรอยได้เพราะเธอมีพี่เลี้ยงชาวทรอยเมื่อตอนเป็นเด็ก และบอกว่าเธอพบว่าตัวเองอยู่บนไหล่เขาหลังจากที่เฮอร์มีสคว้าตัวเธอไปขณะกำลังเต้นรำในงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่อาร์เทมิสเทพีแห่งพรหมจรรย์ อโฟรไดท์บอกแอนไคซีสว่าเธอยังเป็นพรหมจารีและขอร้องให้เขาพาเธอไปหาพ่อแม่ของเขา แอนไคซีสเกิดความใคร่อย่างบ้าคลั่งต่ออโฟรไดท์ทันทีและสาบานว่าเขาจะมีเซ็กส์กับเธอ แอนไคซีสพาอโฟรไดท์ไปที่เตียงของเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยขนของสิงโตและหมี จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าของเธอจนหมดและทำรักกับเธอ

หลังจากการมีเพศสัมพันธ์เสร็จสิ้นแล้ว อโฟรไดท์ก็เปิดเผยร่างเทพที่แท้จริงของเธอ แอนไคซีสตกใจกลัว แต่อโฟรไดท์ปลอบใจเขาและสัญญาว่าเธอจะให้กำเนิดลูกชายให้เขา เธอทำนายว่าลูกชายของพวกเขาจะเป็นเทพครึ่งคนครึ่งสัตว์ เอเนียส ซึ่งจะถูกเลี้ยงดูโดยนางไม้แห่งถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาห้าปีก่อนที่จะไปที่เมืองทรอยเพื่อเป็นขุนนางเหมือนพ่อของเขา เรื่องราวการตั้งครรภ์ของเอเนียสยังกล่าวถึงใน Theogony ของเฮเซียดและใน Book II ของ Iliad ของโฮเมอร์


ความรักของอโฟรไดท์ต่ออะโดนิส

แก้ไข
 ความรักของอโฟรไดท์ต่ออะโดนิส

ดินแดนแห่งเทพเจ้าโอลิมปัส มีเทพีองค์หนึ่งนามว่า อะโฟรไดท์ เทพีแห่งความงามและความรัก นางมีรูปโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือ แต่ด้วยความงามนั้นเองที่นำมาซึ่งเรื่องราวโศกนาฏกรรม

เรื่องเริ่มต้นเมื่อมารดาของไมร์ราห์ หญิงผู้หยิ่งผยอง กล้ากล่าวโอ้อวดความงามของตนเองว่าเหนือกว่าเทพีอะโฟรไดท์ ด้วยความโกรธ เทพีอะโฟรไดท์จึงสาปให้ไมร์ราห์มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อบิดาของตนเอง กษัตริย์ซินีรัสแห่งไซปรัส จากคำสาปนั้น ไมร์ราห์จึงตั้งครรภ์ และด้วยความอัปยศ นางจึงถูกขับไล่ออกไป และถูกสาปให้กลายร่างเป็นต้นมดยอบ แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังให้กำเนิดบุตรชายออกมา ซึ่งก็คือ อะโดนิส

อโฟรไดท์พบทารกน้อยและนำเขาไปให้เพอร์เซโฟนีเลี้ยงดูในยมโลก เมื่ออะโดนิสเติบโตขึ้น อโฟรไดท์ก็มารับตัวเขากลับไปและพบว่าเขามีรูปงามอย่างยิ่ง เพอร์เซโฟนีต้องการเก็บอะโดนิสไว้ ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูระหว่างเทพีทั้งสอง ซูสจึงตัดสินให้อะโดนิสใช้เวลาหนึ่งในสามของปีกับอโฟรไดท์ หนึ่งในสามกับเพอร์เซโฟนี และอีกหนึ่งในสามกับผู้ที่เขาเลือก อะโดนิสเลือกที่จะอยู่กับอโฟรไดท์

ต่อมา ขณะที่อะโดนิสออกล่าสัตว์ เขาได้รับบาดเจ็บจากหมูป่าและเสียชีวิตในอ้อมแขนของอโฟรไดท์ ในบทสนทนาเสียดสี Dialogues of the Gods ลูเซียน นักเขียนเชิงเสียดสีเล่าว่า อโฟรไดท์บ่นกับเซลีนี เทพีแห่งดวงจันทร์ เกี่ยวกับอีรอส บุตรชายของตนเองที่ทำให้เพอร์เซโฟนีตกหลุมรักอะโดนิส ทำให้เธอต้องแบ่งปันเขากับเพอร์เซโฟนี

ในเรื่องราวหลายฉบับ หมูป่าถูกส่งมาโดยเอเรส ซึ่งอิจฉาที่อโฟรไดท์ใช้เวลาอยู่กับอะโดนิสมากเกินไป หรือโดยอาร์เทมิส ซึ่งต้องการแก้แค้นอโฟรไดท์ที่สังหารฮิปโปลิตัส สาวกผู้ภักดีของตน ในอีกฉบับหนึ่ง อพอลโลโกรธจัดและแปลงร่างเป็นหมูป่าสังหารอะโดนิส เพราะอโฟรไดท์ทำให้อีรีแมนทัส บุตรชายของตนเองตาบอด เมื่อเขาแอบเห็นอโฟรไดท์เปลือยกายขณะอาบน้ำหลังจากร่วมรักกับอะโดนิส

เรื่องราวนี้ยังเชื่อมโยงอโฟรไดท์กับดอกไม้บางชนิด กล่าวกันว่าขณะที่เธอโศกเศร้ากับการตายของอะโดนิส เธอทำให้ดอกไม้ทะเลเติบโตขึ้นทุกแห่งที่เลือดของเขาหยดลง และประกาศให้มีการจัดเทศกาลในวันครบรอบการตายของเขา ในอีกฉบับหนึ่ง อโฟรไดท์ได้รับบาดเจ็บจากหนามกุหลาบ และกุหลาบซึ่งเคยเป็นสีขาวก็เปื้อนเลือดของเธอจนกลายเป็นสีแดง ตามบันทึกของลูเซียนในเรื่อง On the Syrian Goddess ในช่วงเทศกาลอะโดนิสของทุกปี แม่น้ำอะโดนิสในเลบานอน (ปัจจุบันคือแม่น้ำอับราฮัม) จะกลายเป็นสีแดงไปด้วยเลือด

ตำนานของอะโดนิสเชื่อมโยงกับเทศกาลอะโดเนีย ซึ่งสตรีชาวกรีกเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางฤดูร้อน เทศกาลนี้ซึ่งมีการเฉลิมฉลองในเลสบอสมาตั้งแต่สมัยของซัปโฟ ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในเอเธนส์ในช่วงกลางศตวรรษที่ห้าก่อนคริสตกาล ในช่วงเริ่มต้นของเทศกาล สตรีจะปลูก "สวนของอะโดนิส" ซึ่งเป็นสวนเล็ก ๆ ในตะกร้าหรือเครื่องปั้นดินเผาที่แตก ภายในปลูกพืชที่เติบโตเร็ว เช่น ผักกาดหอม ยี่หร่า หรือเมล็ดพืชที่งอกเร็ว เช่น ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ จากนั้น สตรีจะนำสวนขึ้นไปไว้บนหลังคาบ้าน เพื่อให้ได้รับแสงแดดจัดในฤดูร้อน พืชจะงอกงามในแสงแดด แต่ก็จะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วในความร้อน สตรีจะคร่ำครวญและร่ำไห้กับการตายของอะโดนิส ฉีกเสื้อผ้า และทุบหน้าอกเพื่อแสดงความโศกเศร้า (ซึ่งเป็นข้อสังเกตด้วยว่าตำนานของอะโฟรไดท์และอะโดนิสอาจมาจากตำนานสุเมเรียน โบราณของ 'อินันนาและดูมูซิด' - โดยในตำนานสุเมเรียนนี้เล่าว่า: 

อินันนาและการลงสู่นรกภูมิ

อินันนา เทพีแห่งความรัก สงคราม และความอุดมสมบูรณ์ ได้ตัดสินใจลงไปยังนรกภูมิ ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความตาย การเดินทางครั้งนี้ทำให้อินันนาต้องเผชิญหน้ากับเอเรชกิกัล เทพีแห่งนรกภูมิ ซึ่งเป็นพี่สาวของนางเอง

เมื่ออินันนาลงไปในนรกภูมิ เอเรชกิกัลได้สั่งให้ถอดเครื่องประดับและเสื้อผ้าของอินันนาออกทีละชิ้น เมื่ออินันนาเปลือยเปล่า เอเรชกิกัลก็สังหารนาง อินันนาจึงติดอยู่ในนรกภูมิ

หลังจากนั้น นินชูบูร์ ผู้รับใช้ของอินันนา ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เพื่อช่วยอินันนา เทพเจ้าเอนกิได้สร้างสิ่งมีชีวิตสองตนขึ้นมาเพื่อช่วยอินันนา ทั้งสองลงไปยังนรกภูมิและชุบชีวิตอินันนาขึ้นมา

เมื่ออินันนากลับขึ้นมาจากนรกภูมิ นางพบว่าดูมูซิด สามีของนาง ไม่ได้ไว้ทุกข์ให้กับการตายของนางอย่างเหมาะสม อินันนาจึงปล่อยให้กัลลา ปีศาจแห่งนรกภูมิ ลากดูมูซิดลงไปยังนรกภูมิเพื่อแทนที่นาง

อย่างไรก็ตาม อินันนาเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ นางจึงสั่งให้ดูมูซิดใช้เวลาครึ่งปีในนรกภูมิ และอีกครึ่งปีอยู่กับนาง ส่วนเกชทินันนา น้องสาวของดูมูซิด จะอยู่ในนรกภูมิแทนเขาในช่วงที่เขาไม่อยู่

เรื่องราวนี้เป็นที่มาของวัฏจักรแห่งฤดูกาล เมื่อดูมูซิดอยู่ในนรกภูมิ โลกจะแห้งแล้งและหนาวเย็น แต่เมื่อเขากลับขึ้นมา โลกจะกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง )

แนะนำนิยาย

Prince Vassago | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม อโฟร์ไดท x 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ ลักษณะนิสัยของ เทพี: อโฟรไดท์ (Aphrodit...

นิยาย HIT