✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨

* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

Duke Agares | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

{ปฐมบท} | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม [อโฟร์ไดท vs 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

อโฟร์ไดท x 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน

ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ

ลักษณะนิสัยของเทพี:
อโฟรไดท์ (Aphrodite) ตามตำนานกรีก

เทพีอโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความรัก ความงาม และกามารมณ์ ตามตำนานเธอมีบุคลิกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองของตำนานแต่ละยุคสมัย แต่โดยทั่วไป เธอมีลัษณะนิสัยดังนี้:

เย้ายวนและเปี่ยมเสน่ห์ – อโฟรไดท์เป็นจุดศูนย์กลางของความงามและแรงดึงดูด เธอสามารถทำให้มนุษย์และเทพตกหลุมรักได้เพียงแค่ปรากฏตัว หรือเพียงแค่ปรายตามอง

หลงใหลในความรักและความปรารถนา – เธอเป็นเทพีที่เชื่อในพลังของความรัก ไม่ใช่เพียงความรักอันบริสุทธิ์ แต่รวมถึงความหลงใหล กามารมณ์ และแรงปรารถนา

เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ – เนื่องจากเธอเป็นตัวแทนของอารมณ์แห่งความรัก อโฟรไดท์มักมีความต้องการสูง และมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

อ่อนไหวแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม – แม้ว่าเธอจะงดงามและน่าหลงใหล แต่เธอก็มีความฉลาดและสามารถใช้เสน่ห์ของเธอเป็นอาวุธในการควบคุมสถานการณ์

หึงหวงและเจ้าคิดเจ้าแค้น – ในบางตำนาน อโฟรไดท์มีความริษยาผู้หญิงที่งามกว่าหรือได้รับความสนใจมากกว่า เช่นในตำนานของ Psyche และ Helen of Troy

บรรยายรูปลักษณ์ของอโฟรไดท์:

"เธอเป็นดั่งบทกวีที่ถูกหลอมรวมเป็นสตรี—ผิวของเธอเปล่งประกายราวกับน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมเป็นระลอกคลื่นแห่งทองคำ สยายลงมาดุจน้ำตกที่ต้องแสงจันทร์ ดวงตาของเธอจับต้องวิญญาณของผู้ที่สบมอง—สีของมันเป็นดังมหาสมุทรยามรุ่งอรุณ ทั้งลึกลับและเร่าร้อน"

"ริมฝีปากของเธอแดงราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม โค้งรับกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้เหล่าทวยเทพยอมจำนน ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ไปตามผิวของโลกด้วยความอ่อนโยน แต่เพียงสัมผัสเดียวก็สามารถปลุกเปลวไฟแห่งกามารมณ์ให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของมนุษย์และเทพองค์อื่นๆ"

"เมื่อเธอเดินผ่าน สายลมก็โอนอ่อนดั่งกำลังร่ำร้องหาเธอ แม้แต่ดอกไม้ก็เบ่งบานเมื่อปลายเท้าเธอสัมผัสพื้นดิน เทพีอโฟรไดท์—เธอไม่ใช่เพียงความงาม แต่เป็นอำนาจแห่งความรัก เป็นไฟปรารถนาอันไม่มีวันมอดดับ"

ประวัติโดยละเอียดของอโฟรไดท์ในตำนานกรีก

     อโฟรไดท์เป็นหนึ่งในเทพแห่งโอลิมปัส เธอมีสองตำนานหลักเกี่ยวกับการกำเนิด:

1. กำเนิดจากฟองทะเล – ตำนานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เธอเกิดขึ้นจากฟองทะเล (Aphros) เมื่อไททันโครนัสตัดอวัยวะเพศของเทพยูเรนัส (Uranus) และโยนมันลงสู่มหาสมุทร เลือดของยูเรนัสกระจายตัวและสร้างฟองน้ำขึ้นมา ก่อนที่อโฟรไดท์จะถือกำเนิดขึ้นจากเปลือกหอยและลอยไปยังเกาะไซปรัส (Cyprus)

2. ธิดาของซุสและไดโอนี (Zeus & Dione) – อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เธอเป็นลูกสาวของเทพซุสกับไททันนีด ไดโอนี (Dione)

     อโฟรไดท์ได้รับการยกย่องในหลายพื้นที่ของกรีซ โดยเฉพาะในไซปรัส ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของเธอ

รายชื่อคู่รักของเทพีอโฟรไดท์
     อโฟรไดท์มีคู่รักมากมาย ทั้งเทพและมนุษย์ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอันร้อนแรงและโศกนาฏกรรมอันงดงาม

1. เฮฟีสทัส (Hephaestus) - เทพแห่งช่างตีเหล็ก: อโฟรไดท์ถูกบังคับให้แต่งงานกับเทพเฮฟีสทัสตามคำสั่งของซุส เฮฟีสทัสรักเธอมาก แต่เธอไม่ได้รักเขา และมีชู้กับชายอื่น

2. แอเรส (Ares) - เทพแห่งสงคราม: หนึ่งในคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลระหว่างความรักและสงคราม พวกเขามีบุตรร่วมกันหลายองค์ เช่น Eros (กามเทพ), Harmonia, Phobos (ความกลัว) และ Deimos (ความหวาดกลัว)

3. แอดอนิส (Adonis) - มนุษย์หนุ่มรูปงาม: แอดอนิสเป็นชายหนุ่มที่อโฟรไดท์ลุ่มหลงอย่างสุดหัวใจ เธอรับเขามาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อโตขึ้น เธอก็ตกหลุมรักเขาจากการบังเอิงระหว่างเล่นกับอีรอสแล้วเธอพลั้งไปถูกศรทองของเขาสะกิดและแอดโดนิสก็บังเอิญเดินผ่านมา แต่ในที่สุด เขาถูกหมูป่าที่เทพแอเรสที่หึงหวงแปลงตัวมาทำร้ายจนเสียชีวิต อโฟรไดท์โศกเศร้าและเปลี่ยนเลือดของเขาให้กลายเป็นดอกไม้ anemone

4. แองไคซีส (Anchises) - มนุษย์และเจ้าชายโทรจัน: ซุสต้องการลงโทษอโฟรไดท์ที่ทำให้เทพองค์อื่นตกหลุมรักมนุษย์ จึงบันดาลให้เธอหลงรักแองไคซีส
เธอมีบุตรกับเขาชื่อว่า Aeneas ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งกรุงทรอย

5. เฮอร์มีส (Hermes) - เทพแห่งการสื่อสาร
เฮอร์มีสหลงรักอโฟรไดท์ และจากความสัมพันธ์นี้ พวกเขามีบุตรชื่อ Hermaphroditus ซึ่งมีลักษณะทั้งชายและหญิง

ภาพโดยรวม:
     อโฟรไดท์เป็นเทพีที่เปี่ยมเสน่ห์ มีบุคลิกที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ทั้งงดงาม อ่อนไหว เร่าร้อน แต่ก็มาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์และอารมณ์ที่รุนแรง เธอมีคู่รักมากมาย ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และสามารถตีความได้หลากหลายมิติ

     เธอไม่ใช่แค่เทพีแห่งความรักและความงาม แต่เป็นตัวแทนของแรงปรารถนา ความเย้ายวน และอำนาจแห่งเสน่ห์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

เทพนิยาย Romance Fantasy Erotic



แก้ไ

{บท} : อกาเรส ผู้ปกครองนรกฝั่งตะวันออก

  • โดย: B.Zab
  • ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ตอนที่ 1: รสหวานปนขมใต้ร่มเงาต้องสาป

ม่านหมอกเบาบางลอยเรี่ยพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่เขียวชื้น แสงเรื่อเรืองสีทองจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านพุ่มใบหนาทึบของพฤกษาโบราณ ซึมซาบลงมายังพื้นป่าอย่างแผ่วเบา กลิ่นอวลของดินเปียกผสมด้วยกลิ่นเคร่งขรึมของไม้แก่ ทำให้บรรยากาศของป่าแห่งนี้แตกต่างจากที่ใดที่อโฟรไดท์เคยเยือนไม่ว่าบนโลกมนุษย์หรือบนเขาโอลิมปัส
เสียงกระซิบของสายลมพัดหวีดหวิว ราวกับเสียงกรีดร้องแผ่วไกลจากอดีตกาลที่ไม่มีผู้ใดได้ยินมานาน เสียงฝีเท้าเปลือยเปล่าของเทพีแห่งความงามย่ำลงบนใบไม้แห้งที่กรอบเกรียมอย่างอ้อยอิ่ง กลีบผ้าชีฟองบางเบาแนบลู่ไปตามสัดส่วนอันงดงามน่าหลงใหล ร่างนั้นราวกับเรืองแสงจาง ๆ ท่ามกลางความมืดของพฤกษาที่ทอดเงาลงมาครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง
ความเงียบผิดปกติแผ่กระจายไปทั่ว ความเคลื่อนไหวของสัตว์ป่าหายไปจนหมด เหลือเพียงเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแน่นอยู่ในอกด้วยแรงของความมุ่งมั่นและความกระหายจะพิสูจน์
“พวกมันกล้าพูดอย่างนั้นกับข้า?” เสียงในใจเธอดังก้อง ขณะที่ก้าวข้ามเถาวัลย์เส้นหนึ่งที่พันรัดต้นไม้ใหญ่ไว้แน่นเหมือนงูยักษ์ กลิ่นของพืชบางชนิดแปลกประหลาดจนน่าหวาดระแวง ทั้งขื่นและขมในจมูก แต่ในขณะเดียวกันกลับหอมยั่วเย้าเหมือนยาพิษที่พร้อมพรากสติไปจากสำนึก
เธอหยุดยืนชั่วครู่เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างในพื้นดินใต้ฝ่าเท้า เสียงพึมพำเบาบางคล้ายบทสวดโบราณลอยผ่านลำคอของต้นไม้ลึกเข้าไปในผืนป่า และแผ่วลงเรื่อย ๆ จนเหมือนกลืนหายไปในความเงียบ
ลึกเข้าไปอีกจนทิวไม้เริ่มห่างออกจากกัน โผล่ขึ้นเป็นลานเล็ก ๆ ที่กลางนั้นมีต้นส้มโบราณยืนต้นตระหง่าน ทรงพุ่มกลมแน่น ผลสุกสีทองเรืองรองแขวนอยู่ระหว่างกิ่งก้านงดงามราวอัญมณี ดอกส้มแย้มกลีบสีขาวบริสุทธิ์ ปล่อยกลิ่นหอมอ่อน ๆ อบอวลในอากาศรอบต้น
อโฟรไดท์ยื่นมือสัมผัสลำต้น มันเย็นเฉียบและชื้นนุ่มราวมีชีวิต ดวงตาสีฟ้าอำพันทอดมองไปรอบกาย พลางปล่อยลมหายใจแผ่วอย่างระวัง
ความเหนื่อยล้าค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างทุกขณะ ร่างกายที่ผ่านการเดินทางอันยาวไกลจากโอลิมปัสสู่โลกเบื้องล่างถูกแสงแดดและสายลมป่าแทรกซึมจนล้าไปทุกขุมขน เธอค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งใต้ร่มเงาของต้นไม้โบราณ พิงแผ่นหลังลงกับลำต้นอย่างผ่อนคลาย ลมหายใจของเธออุ่นและสม่ำเสมอขึ้นทีละน้อย
กลิ่นของผลส้มสุก หอมหวานอมเปรี้ยวแตะปลายจมูก ละมุนลึกเข้าไปถึงลำคอ เธอหลับตาลงอย่างแผ่วเบา ผิวเนียนละเอียดต้องแสงแดดที่กรองผ่านใบไม้ กลีบปากเผยอขึ้นน้อย ๆ ขณะที่ลมหายใจเริ่มแผ่วลง แก้มแต้มระเรื่อด้วยแรงแดดที่สัมผัสผิวมาเนิ่นนาน
แม้กายจะผ่อนคลาย... แต่ใจกลับเต้นแรงด้วยสัญชาตญาณลึกบางอย่าง ความรู้สึกวาบไหวคล้ายมีสายตาจ้องมองจากที่ใดที่หนึ่งในความมืดที่สายตาไม่อาจเข้าถึง
ขนบนแขนลุกชันทันทีที่ลมหายใจเย็นยะเยือกสายหนึ่งไล่ต่ำผ่านข้างหูของเธอ เธอไม่ขยับ... แต่หูฟังจับจังหวะ สัมผัสถึงพลังอำนาจที่หนาแน่น เย็นเยียบ และน่าเกรงขามเกินกว่าจะเป็นเพียงสัตว์ป่าหรือภูตพราย
แล้วเงามืดก็ก้าวออกมาจากม่านเถาวัลย์ที่คลี่ออกอย่างช้า ๆ ดุจม่านเปิดของเวทีแห่งอำนาจ
ร่างสูงตระหง่าน ผิวทองแดงสะท้อนแสงสลัว ดวงตาดำสนิทลึกล้ำราวหุบเหวชั่วนิรันดร์ เส้นผมสีเข้มถูกรวบไว้ลวก ๆ ไหลยาวถึงแผ่นหลังเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อแน่นตึงใต้ผิวหนังที่เต็มไปด้วยอาคมลึกลับที่สลักพาดพิงผ่านแนวไหล่และลำแขน แข็งแรง รุนแรง และ... อันตราย
อโฟรไดท์ลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงสีอำพันในดวงตาไหวระริกขณะมองสบกับแววตาเย็นเยียบตรงหน้า ใบหน้าอันดุดันแต้มรอยยิ้มไว้ที่มุมปากอย่างเยือกเย็น ยิ้มของผู้ที่เคยเห็นสวรรค์พังทลายและยังคงยืนหยัดอยู่ในนรก
“เทพีแห่งรัก... นี่หรือคือสิ่งที่โอลิมปัสภาคภูมิ?” เสียงของเขาหนักแน่น ก้องต่ำและกระแทกความรู้สึกดุจเสียงฟ้าครืนกลางหุบเขา
อโฟรไดท์ขยับริมฝีปากขึ้นช้า ๆ รอยยิ้มที่แต้มไว้ไม่แพ้กัน “และเจ้านี่เอง... ดยุกแห่งความเย็นชา ผู้ไม่เคยค้อมหัวให้สิ่งใดนอกจากความตาย”
เขาก้าวเข้ามาใกล้ กลิ่นเหล็กและไฟแผ่จากตัวเขา ราวกับกลิ่นแห่งสงคราม ดวงตาคู่นั้นไม่กระพริบแม้แต่น้อยขณะมองเธอ — ทั้งเชิดชู ทั้งดูแคลน ทั้งยั่วยวนในคราวเดียว
“ข้าไม่ศรัทธาใน ‘เสน่ห์’” เขากล่าวพร้อมโน้มกายลงช้า ๆ เสียงกระดูกและกล้ามเนื้อของเขาขยับอย่างแน่นขนัดใต้ผิวสีทองแดง “โดยเฉพาะจากเทพีที่ยังไม่รู้จักว่าการลิ้มรส ‘ขม’ นั้นทำให้ ‘หวาน’ ยิ่งเร้าอารมณ์เพียงใด”
ลมหายใจอุ่นของเขาเฉียดผ่านแก้มเธอ อโฟรไดท์ยังคงไม่หลบหนี แต่อย่างใด... กลับเผยรอยยิ้มบาง
“น่าสนใจ” เธอกระซิบ “เพราะข้าเอง... กำลังอยากลิ้มรสขมที่เจ้าว่านั่นอยู่พอดี”
ลมหายใจรอบตัวดูเหมือนหยุดลงเพียงชั่วครู่ พริบตานั้นเอง — สายลมเปลี่ยนทิศ กลิ่นของดอกส้มกลายเป็นกลิ่นอวลของเปลวไฟและใบไม้ที่กรุ่นควัน ลมหายใจของเขาและเธอพันเกี่ยวราวกับเชือกมนตราที่ดึงเข้าหากัน
ใต้ร่มเงาต้องสาป... สายตาของเทพีแห่งความรักกับดยุกแห่งนรกผสานกันอย่างไม่มีใครยอมลดละ
 นี่ไม่ใช่การพบกันธรรมดา — แต่มันคือจุดเริ่มต้นของแรงดึงดูดที่ไร้เหตุผล
 อันตราย... แต่เร้าใจ
 หวานล้ำ... แต่แฝงขื่นขม
 และทั้งสองต่างก็รู้ดี
ว่าพวกเขา... ไม่มีวันถอยกลับอีกต่อไป.
 —
 [จบตอนที่ 1]

ตอนที่ 2: รสต้องห้ามและความปรารถนาที่คุกคาม

ลมเอื่อยบางเบาพัดลอดผ่านใบไม้โบราณของต้นส้มศักดิ์สิทธิ์ เสียงใบไม้เสียดสีเบาๆ คล้ายเสียงกระซิบจากยุคบรรพกาล กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของผลส้มสุกที่หล่นค้างอยู่บนพื้นปนเปกับกลิ่นร้อนระอุของเปลวไฟจากร่างตรงหน้า... สองกลิ่นที่ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้ — กลับประสานกันราวกับมนตร์ต้องห้าม
อโฟรไดท์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ใต้ร่มเงาแผ่กว้าง ดวงตาอำพันจับจ้องใบหน้าคมเข้มตรงหน้า ผิวสีทองแดงราวทองคำผสมเลือดของดยุกปีศาจสะท้อนแสงลอดใบไม้ เผยให้เห็นโครงสร้างของร่างกายที่สร้างมาเพื่อบดขยี้สิ่งใดก็ตามที่ขวางทาง
อกาเรสยืนนิ่งเฉย แต่ภายในแววตาที่ดำสนิทราวคืนเดือนดับกลับกำลังไหวระริกอย่างเงียบงัน — ประหนึ่งเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ใต้เถ้าถ่าน
“ท่านเคยถามว่าข้าศรัทธาในเสน่ห์หรือไม่” เขาเริ่มพูด เสียงแหบต่ำดุจดินสั่นไหวจากเบื้องลึก “คำตอบคือ... ไม่ใช่ในสิ่งฉาบฉวย แต่ในสิ่งที่อยู่ลึกลงไปจนแทบไม่อาจแตะต้อง”
อโฟรไดท์แย้มรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะสายตายังไม่ละไปจากเขา “และสิ่งนั้นคืออะไร? ความปรารถนาที่เจ้าฝังกลบไว้ใต้เปลือกแห่งน้ำแข็ง?”
อกาเรสโน้มตัวเข้าใกล้อีกนิด เส้นผมสีเข้มหลุดจากมัดแล้วไหลตกลงแตะแผ่นอกเปลือยของเขา ร่างกายแข็งแรงเหมือนสลักจากหินศักดิ์สิทธิ์ส่งกลิ่นกายร้อนผ่าวเข้าหาเธอ — กลิ่นของดินแห้ง ไอเพลิง และเลือดที่เคยไหลบนสนามรบ
“ในนรก ข้าเรียนรู้ที่จะไม่รู้สึก” เขากระซิบช้า ๆ ใกล้จนริมฝีปากเฉียดแก้มของเทพี “แต่ในตอนนี้... มันไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว”
สายตาเธอไหวระริกเพียงเสี้ยววินาที มือของอโฟรไดท์ค่อย ๆ ยกขึ้นแนบกับอกเขา ผิวของเขาร้อนจัดอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับเปลวไฟที่ถูกขังไว้ใต้ผิวหนัง
“เจ้ากำลังสั่น” เสียงเธอนุ่มนวล แตะต้องหัวใจด้วยปลายน้ำเสียง
“ไม่ใช่ความกลัว” อกาเรสตอบกลับในลมหายใจที่แผ่วเบาแต่หนักแน่น “มันคือแรงดึงดูดที่ไม่เคยยอมจำนนต่อใครมาก่อน... จนกระทั่งเจ้า”
แสงอาทิตย์สลัวรอดผ่านเรือนใบ ลวดลายเงาไหวบนร่างของทั้งสอง — แสงและเงาสลับซับซ้อนจนแยกไม่ออกว่าใครคือผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า
มือของเขายกขึ้นแตะปลายคางเธออย่างเชื่องช้า นิ้วเรียวยาวเต็มไปด้วยพลังที่หากเขาเพียงบีบแน่น ก็สามารถทำลายทุกกระดูกบนใบหน้านั้นได้ในพริบตา... แต่เขาไม่ทำ เพียงลูบผ่านอย่างระมัดระวัง ดั่งสัมผัสวัตถุต้องห้าม
“เจ้ากลัวข้าหรือไม่... เทพี?”
อโฟรไดท์เผยรอยยิ้ม แต้มรอยแวววาวของความท้าทายไว้ในดวงตา “มีแต่คนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองเท่านั้นที่จะกลัวในสิ่งที่เร้าใจเช่นเจ้า”
อกาเรสหัวเราะแผ่ว เสียงทุ้มต่ำสะท้อนในอก “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าสิ่งที่เร้าใจ... มักเป็นสิ่งที่มีพิษมากที่สุดในนรก?”
“บางครั้ง” เธอกระซิบ “ผู้ที่เลือกดื่มพิษนั้น... ก็อาจรู้สึกมีชีวิตที่สุด”
ฝ่ามือของเขาเลื่อนไปยังแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอ ผิวกายของเทพีเนียนลื่นและเย็นเฉียบ ราวกับสัมผัสน้ำค้างแรกในยามเช้า เส้นผมสีทองยาวสลวยไหลแตะต้นแขนเขา กลิ่นกายของเธอ — หอมละมุน ดอกไม้กลางราตรีและหยาดน้ำผึ้งรินช้า ๆ เข้าสู่ประสาทรับกลิ่นของเขาอย่างทรมาน
มือของอโฟรไดท์เลื่อนไปที่แผ่นอกของเขา สัมผัสกล้ามเนื้อแน่นตึง ใต้ผิวหนังที่ลวดลายอาคมโบราณสลักไว้ด้วยหมึกสีเลือด ดวงตาเธอค่อย ๆ จมดิ่งลงไปในความมืดลึกของดวงตาเขา
“ข้าเห็นมัน...” เธอพึมพำ “ความเหงาที่แผดเผาเจ้า... ยิ่งกว่าไฟนรกใด ๆ”
เขากัดฟันเบา ๆ แววตาสั่นไหวอย่างแทบไม่ยอมรับ “แล้วเจ้า... ตั้งใจจะดับมันด้วยอะไร?”
“ด้วยรสของข้า” เธอแนบหน้าผากกับเขา เสียงหายใจทั้งสองสอดประสานกัน “ความหวาน... ที่มาพร้อมความขมขื่น ราวกับผลส้มที่ยังมีหยาดน้ำค้างเกาะอยู่”
มือของเขารั้งเอวเธอแน่นขึ้นช้า ๆ ท่วงท่าหนักแน่นแต่สั่นระริกจากภายใน กลิ่นไฟเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นควัน กลิ่นเปลือกไม้ที่เริ่มร้าว
และในวินาทีนั้นเอง — ริมฝีปากของเขาก็แนบลงบนต้นคอเธออย่างเชื่องช้า ไม่ใช่จูบ แต่เป็นการ “จารึก” ความปรารถนาไว้บนผิวกายราวกับอาคม
อโฟรไดท์แอ่นกายเบา ๆ รับสัมผัสนั้น สายลมที่เคยพัดเอื่อยแปรเปลี่ยนเป็นสายลมอุ่นที่ไล้ผ่านร่างทั้งสอง เสียงใบไม้สะท้อนเป็นจังหวะของหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
ปลายนิ้วของเขาไล้ลงตามแนวแขนเธอผ่านผิวเนียนจนถึงข้อมือแล้วบีบไว้เบา ๆ สัมผัสของเขาหนักแน่นแต่แฝงด้วยความลังเล ราวกับปีศาจที่กำลังเรียนรู้จะรัก
“เจ้ากำลังจะลิ้มรสสิ่งที่ไม่มีเทพองค์ใดเคยได้รับ...” เขากระซิบข้างหู
อโฟรไดท์แย้มรอยยิ้ม ดวงตาเรืองรอง “และเจ้ากำลังจะรู้ว่า แม้แต่ปีศาจ... ก็อาจหลอมละลายได้ หากเผชิญหน้ากับไฟของรักแท้”
ลมหายใจของทั้งสองสอดประสานกันราวเวทมนตร์ กลิ่นกาย แรงสั่นสะเทือน ความร้อน และการสัมผัสซึ่งกันและกันไม่ใช่เพียงเนื้อหนัง — แต่วิญญาณ
ในค่ำคืนที่ไม่มีจันทร์ บทแรกแห่งรสต้องห้ามได้เริ่มขึ้นใต้ต้นส้มที่ต้องสาป เสียงของใบไม้ยังคงไหว — แต่มันไม่ใช่เพียงลมอีกต่อไป
มันคือเสียงของหัวใจสองดวงที่ตื่นจากนิทราอันยาวนาน...
 และขณะฝ่ามือของเขาโอบกระชับสะโพกเธอแน่นขึ้น ลมหายใจร้อนจัดของปีศาจกระซิบว่า—
“ข้าไม่เคยศรัทธาในความรัก... แต่เจ้ากำลังทำให้ข้าอยากเชื่อ”
— [จบตอนที่ 2] —

ตอนที่ 3: เพลิงพิศวาสใต้ร่มเงาต้องสาป

ใต้เงาใบไม้ที่ไหวระริกเพราะสายลมอุ่นราวลมหายใจของสิ่งมีชีวิตในป่าลี้ลับ ต้นส้มโบราณยังคงหยาดหยดน้ำค้างใสสะอาดลงสู่พื้นดินอย่างเชื่องช้า กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ — ไม่ใช่เพียงเพราะผลสุกที่หล่นอยู่รอบโคนต้น แต่เป็นเพราะทุกอณูในอากาศกำลังดูดซับแรงปรารถนาเข้มข้นที่แผ่กระจายออกมาจากร่างสองร่างที่แนบแน่นใต้ร่มเงาต้องสาปนั้น
แขนของเขากระชับเธอแน่นขึ้น ราวกับต้องการตรึงไม่ให้เธอสลายหายไปกับลมหายใจที่ร้อนจัด ปลายนิ้วของเขาไล้จากต้นแขนลงสู่เอวที่โค้งมนอย่างอ่อนช้อย ร่องนิ้วหยาบกร้านสัมผัสกับผิวขาวนวลลื่นละมุนราวกลีบดอกไม้เพิ่งผลิบาน ความแตกต่างของพื้นผิวผิวเนื้อระหว่างเทพีกับปีศาจก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าเล็ก ๆ ที่แล่นผ่านไปทั่วสันหลัง
เสียงลมหายใจของอกาเรสดังชัดขึ้นใกล้ใบหู สัมผัสร้อนจากปลายจมูกของเขาลูบไล้แนวแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะลากไล้ลงช้า ๆ จนถึงลำคอด้านข้างที่ยังคงแดงระเรื่อจากจุมพิตก่อนหน้า เขาไม่เพียงสัมผัสผิวของเธอ — แต่ราวกับเขากำลังซึมลึกเข้าไปถึงแก่นวิญญาณ
“กลิ่นของเจ้า…” เสียงของเขาต่ำลึกและพร่าแหบ หยาบแต่กระซิบเหมือนมนตร์สะกด “…เหมือนเปลือกไม้แห้งที่ลุกโชนในไฟ... เหมือนความหิวกระหายที่ข้ากักเก็บมานับพันปี...”
มือของเขารั้งสะโพกเธอเข้าหาตัว ชุดบางเบาที่ปกปิดเพียงเสี้ยวของเทพีถูกความร้อนและแรงสัมผัสฉีกกระชากอย่างแผ่วเบา เศษผ้าลอยในอากาศราวใบไม้ปลิดปลิว แล้วตกลงสู่พื้นอย่างไร้เสียง
อโฟรไดท์สูดลมหายใจเข้าลึกจนทรวงอกขยับ เธอไม่พูด ไม่ต่อต้าน ไม่หลีกหนี ใบหน้าหวานยื่นเข้าหาเขาอย่างช้า ๆ ดวงตาสีอำพันเป็นประกายสว่างราวเปลวเทียนในวิหารต้องมนต์
ริมฝีปากของเขาประกบลงมาอย่างรุนแรง แต่ไม่หยาบกระด้าง — กลับลุ่มลึกและเปี่ยมด้วยแรงอารมณ์เหมือนคลื่นพายุที่โหมซัดฝั่งอย่างอัดอั้น เสียงจูบของพวกเขาดังก้องในความเงียบของป่า นิ้วมือของเธอเลื่อนไปตามแนวแผ่นหลังของเขา สัมผัสถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่กระเพื่อมตอบรับ
ลิ้นของเขาไล้ลึกเข้าไปในโพรงปากเธอ สัมผัสกับลิ้นของเธออย่างระทึก ปะทะ พัวพัน และดูดกลืน เธอส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ ขณะปลายนิ้วของเขาลูบผ่านต้นขาเนียนละมุน แสงแดดลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ลงมากระทบเนินไหล่ของเธอเกิดเป็นเงาและแสงที่สั่นไหวราวบทสวดแห่งความลุ่มหลง
อกาเรสผลักเธอลงเบา ๆ บนพรมหญ้าที่นุ่มราวขนสัตว์จากแดนสวรรค์ กลีบดอกส้มปลิวลงมาจากต้นไม้ และโปรยปรายบนเส้นผมสีทองของเธอราวกับเทพธิดาถูกบูชาในพิธีศักดิ์สิทธิ์
ริมฝีปากของเขาไล้จากคอลงสู่แนวไหปลาร้า และแผ่นอกที่เผยให้เห็นเนินเนื้ออวบอิ่ม ปลายลิ้นไล้ไปตามร่องระหว่างสองเนินอย่างอ้อยอิ่ง ริมฝีปากดูดดึงผิวเนื้อราวกับต้องการทิ้งรอยจารึกไว้เป็นเจ้าของ
เสียงลมหายใจเธอหอบกระเส่า กลิ่นกายของเขา — กลิ่นกำยาน แร่หิน และไฟใต้พิภพ — เริ่มผสานเข้ากับกลิ่นผิวของเธอ — ดอกไม้ กลิ่นส้ม และความปรารถนาที่บานสะพรั่ง — ก่อเกิดเป็นกลิ่นใหม่ที่ไม่อาจบรรยาย
ปลายนิ้วของเธอจิกลงบนไหล่ของเขาเมื่อเขาเคลื่อนตัวลงไปลิ้มรสต้นขาด้านในด้วยแรงปรารถนาเร่าร้อน เสียงครางของเธอสั่นสะเทือนในลำคอ ป่าทั้งผืนสะท้านเบา ๆ ราวรู้ตัวว่ากำลังกลายเป็นฉากแห่งการหลอมรวมวิญญาณและไฟราคะ
“อย่าหยุด...” เธอกระซิบเสียงแผ่วเหมือนเปลวไฟ “...จารึกข้าไว้ให้ลึกกว่าทุกอาคมของเจ้า”
เสียงหัวเราะต่ำลึกของอกาเรสดังขึ้นในลำคอ ขณะเขาครอบครองเธอด้วยแรงสั่นสะเทือนของทั้งกายและใจ — ไม่ใช่เพียงเพื่อความหฤหรรษ์ แต่เพื่อควบรวมความโดดเดี่ยวของเขาเข้ากับความปรารถนาเร่าร้อนของเธอ
ภายใต้ต้นส้มที่ใบไม้ยังไหวราวร่ายรำ ร่างทั้งสองแนบชิดกันจนไม่เหลือช่องว่าง ระลอกแรงกระแทกหนักแน่นและเต็มไปด้วยจังหวะถี่รัว ผิวเนื้อแนบสนิทจนกลายเป็นผืนเดียวกัน ลมหายใจกลายเป็นหนึ่งเดียว เสียงเต้นหัวใจดังก้องเหมือนเสียงกลองสงคราม
ความเร่าร้อนระเบิดออกในเสี้ยววินาทีที่ทั้งสองปลดปล่อยทุกอย่างออกจากกาย ราวกับแสงไฟโบราณที่ถูกจุดขึ้นใต้รากไม้พันปี โลกทั้งผืนหมุนเคลื่อนไปรอบ ๆ เสียงของใบไม้ เสียงลมหายใจ และเสียงของสองหัวใจที่เต้นประสานกันดังกึกก้องไปทั่วผืนป่า
เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอในจังหวะที่เงียบงันที่สุด “ข้าไม่คิดเลย... ว่าการศรัทธาในบางสิ่ง จะรู้สึกเหมือนการถูกเผา... ด้วยเปลวไฟของเจ้า”
เธอแต้มรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก หัวใจยังเต้นแรงใต้ทรวงอก “ข้าไม่คิดเลย... ว่าจะเคยเห็นปีศาจละลาย”
เขากระชับอ้อมแขน กอดเธอแน่นขึ้นเหมือนจะฝังเธอไว้ในอก กลิ่นผิวของเธอติดอยู่บนปากเขาเหมือนคำสาปหวานล้ำ สายลมพัดเอื่อย ๆ พัดกลีบดอกส้มปลิวลงมาปกคลุมร่างทั้งสอง
อโฟรไดท์ซบใบหน้าแนบกับอกเขาอย่างเงียบงัน จังหวะหัวใจของเขาเต้นอย่างมั่นคง — ไม่ใช่เย็นชา ไม่ใช่ชั่วร้าย แต่หนักแน่น อบอุ่น และ... จริงใจ
“หากข้าคือเปลวไฟ...” เธอกระซิบเบา “...เจ้าคือเชื้อเพลิงที่ข้าไม่เคยรู้ว่าข้ารออยู่”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสงสลัวเริ่มจางหาย เปลือกไม้รอบต้นส้มเริ่มร้าวแผ่ว เสียงบางอย่างดังสะท้อนออกมาจากใต้ดิน... ราวกับมีบางสิ่งเริ่มตื่น
แต่ในชั่วขณะนั้น พวกเขาไม่คิดถึงอดีต ไม่กังวลอนาคต มีเพียงสายตาที่สบกัน และความเข้าใจที่ลึกซึ้งจนไม่ต้องการถ้อยคำใดอีก
ใบไม้ยังไหว — ไม่ใช่เพียงลมอีกต่อไป
 แต่คือเสียงกระซิบของป่า... ที่ต้อนรับบทรักบทใหม่ของเทพีแห่งรักกับดยุกแห่งนรก
— จบตอนที่ 3: เพลิงพิศวาสใต้ร่มเงาต้องสาป —
(นิยายจะมีตอนพิเศษ ที่คุณจะหาอ่านได้ในแบบฉบับ EBook ที่เดียว!)

จบตอน

🔹และหากคุณเป็น อโฟรไดท์ คุณอยากพบกับปีศาจตนไหนในป่าต้องห้ามแห่งนี้? 

👉 กดเลือกปีศาจตนต่อไป ที่นี่ 👈




แนะนำนิยาย

The Arabian Nights กาลครั้งหนึ่ง ณ พันหนึ่งแห่งอาหรับราตรี

The Arabian Nights กาลครั้งหนึ่ง ณ  พันหนึ่งแห่ง อาหรับราตรี แรงบันดาลใจจาก The Book of the Thousand Nights and a Night ริชาร์ด เอฟ. เบอร์ตั...

นิยาย HIT