✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨

* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

King Bael | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

{ปฐมบท} | เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม [อโฟร์ไดท vs 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน

เพลิงปรารถนา ณ ป่าต้องห้าม

อโฟร์ไดท x 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน

ตำนานรักบทใหม่ของ: อโฟรไดท์และคู่รักของเธอ

ลักษณะนิสัยของเทพี:
อโฟรไดท์ (Aphrodite) ตามตำนานกรีก

เทพีอโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความรัก ความงาม และกามารมณ์ ตามตำนานเธอมีบุคลิกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองของตำนานแต่ละยุคสมัย แต่โดยทั่วไป เธอมีลัษณะนิสัยดังนี้:

เย้ายวนและเปี่ยมเสน่ห์ – อโฟรไดท์เป็นจุดศูนย์กลางของความงามและแรงดึงดูด เธอสามารถทำให้มนุษย์และเทพตกหลุมรักได้เพียงแค่ปรากฏตัว หรือเพียงแค่ปรายตามอง

หลงใหลในความรักและความปรารถนา – เธอเป็นเทพีที่เชื่อในพลังของความรัก ไม่ใช่เพียงความรักอันบริสุทธิ์ แต่รวมถึงความหลงใหล กามารมณ์ และแรงปรารถนา

เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ – เนื่องจากเธอเป็นตัวแทนของอารมณ์แห่งความรัก อโฟรไดท์มักมีความต้องการสูง และมักจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

อ่อนไหวแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม – แม้ว่าเธอจะงดงามและน่าหลงใหล แต่เธอก็มีความฉลาดและสามารถใช้เสน่ห์ของเธอเป็นอาวุธในการควบคุมสถานการณ์

หึงหวงและเจ้าคิดเจ้าแค้น – ในบางตำนาน อโฟรไดท์มีความริษยาผู้หญิงที่งามกว่าหรือได้รับความสนใจมากกว่า เช่นในตำนานของ Psyche และ Helen of Troy

บรรยายรูปลักษณ์ของอโฟรไดท์:

"เธอเป็นดั่งบทกวีที่ถูกหลอมรวมเป็นสตรี—ผิวของเธอเปล่งประกายราวกับน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ เรือนผมเป็นระลอกคลื่นแห่งทองคำ สยายลงมาดุจน้ำตกที่ต้องแสงจันทร์ ดวงตาของเธอจับต้องวิญญาณของผู้ที่สบมอง—สีของมันเป็นดังมหาสมุทรยามรุ่งอรุณ ทั้งลึกลับและเร่าร้อน"

"ริมฝีปากของเธอแดงราวกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม โค้งรับกับรอยยิ้มที่สามารถทำให้เหล่าทวยเทพยอมจำนน ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ไปตามผิวของโลกด้วยความอ่อนโยน แต่เพียงสัมผัสเดียวก็สามารถปลุกเปลวไฟแห่งกามารมณ์ให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของมนุษย์และเทพองค์อื่นๆ"

"เมื่อเธอเดินผ่าน สายลมก็โอนอ่อนดั่งกำลังร่ำร้องหาเธอ แม้แต่ดอกไม้ก็เบ่งบานเมื่อปลายเท้าเธอสัมผัสพื้นดิน เทพีอโฟรไดท์—เธอไม่ใช่เพียงความงาม แต่เป็นอำนาจแห่งความรัก เป็นไฟปรารถนาอันไม่มีวันมอดดับ"

ประวัติโดยละเอียดของอโฟรไดท์ในตำนานกรีก

     อโฟรไดท์เป็นหนึ่งในเทพแห่งโอลิมปัส เธอมีสองตำนานหลักเกี่ยวกับการกำเนิด:

1. กำเนิดจากฟองทะเล – ตำนานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เธอเกิดขึ้นจากฟองทะเล (Aphros) เมื่อไททันโครนัสตัดอวัยวะเพศของเทพยูเรนัส (Uranus) และโยนมันลงสู่มหาสมุทร เลือดของยูเรนัสกระจายตัวและสร้างฟองน้ำขึ้นมา ก่อนที่อโฟรไดท์จะถือกำเนิดขึ้นจากเปลือกหอยและลอยไปยังเกาะไซปรัส (Cyprus)

2. ธิดาของซุสและไดโอนี (Zeus & Dione) – อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เธอเป็นลูกสาวของเทพซุสกับไททันนีด ไดโอนี (Dione)

     อโฟรไดท์ได้รับการยกย่องในหลายพื้นที่ของกรีซ โดยเฉพาะในไซปรัส ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของเธอ

รายชื่อคู่รักของเทพีอโฟรไดท์
     อโฟรไดท์มีคู่รักมากมาย ทั้งเทพและมนุษย์ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอันร้อนแรงและโศกนาฏกรรมอันงดงาม

1. เฮฟีสทัส (Hephaestus) - เทพแห่งช่างตีเหล็ก: อโฟรไดท์ถูกบังคับให้แต่งงานกับเทพเฮฟีสทัสตามคำสั่งของซุส เฮฟีสทัสรักเธอมาก แต่เธอไม่ได้รักเขา และมีชู้กับชายอื่น

2. แอเรส (Ares) - เทพแห่งสงคราม: หนึ่งในคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลระหว่างความรักและสงคราม พวกเขามีบุตรร่วมกันหลายองค์ เช่น Eros (กามเทพ), Harmonia, Phobos (ความกลัว) และ Deimos (ความหวาดกลัว)

3. แอดอนิส (Adonis) - มนุษย์หนุ่มรูปงาม: แอดอนิสเป็นชายหนุ่มที่อโฟรไดท์ลุ่มหลงอย่างสุดหัวใจ เธอรับเขามาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อโตขึ้น เธอก็ตกหลุมรักเขาจากการบังเอิงระหว่างเล่นกับอีรอสแล้วเธอพลั้งไปถูกศรทองของเขาสะกิดและแอดโดนิสก็บังเอิญเดินผ่านมา แต่ในที่สุด เขาถูกหมูป่าที่เทพแอเรสที่หึงหวงแปลงตัวมาทำร้ายจนเสียชีวิต อโฟรไดท์โศกเศร้าและเปลี่ยนเลือดของเขาให้กลายเป็นดอกไม้ anemone

4. แองไคซีส (Anchises) - มนุษย์และเจ้าชายโทรจัน: ซุสต้องการลงโทษอโฟรไดท์ที่ทำให้เทพองค์อื่นตกหลุมรักมนุษย์ จึงบันดาลให้เธอหลงรักแองไคซีส
เธอมีบุตรกับเขาชื่อว่า Aeneas ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งกรุงทรอย

5. เฮอร์มีส (Hermes) - เทพแห่งการสื่อสาร
เฮอร์มีสหลงรักอโฟรไดท์ และจากความสัมพันธ์นี้ พวกเขามีบุตรชื่อ Hermaphroditus ซึ่งมีลักษณะทั้งชายและหญิง

ภาพโดยรวม:
     อโฟรไดท์เป็นเทพีที่เปี่ยมเสน่ห์ มีบุคลิกที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ทั้งงดงาม อ่อนไหว เร่าร้อน แต่ก็มาพร้อมกับความเจ้าเล่ห์และอารมณ์ที่รุนแรง เธอมีคู่รักมากมาย ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และสามารถตีความได้หลากหลายมิติ

     เธอไม่ใช่แค่เทพีแห่งความรักและความงาม แต่เป็นตัวแทนของแรงปรารถนา ความเย้ายวน และอำนาจแห่งเสน่ห์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

เทพนิยาย Romance Fantasy Erotic



แก้ไ

{บท} : บาอัล ราชาปีศาจแห่งนรก 

  • โดย: B.Zab
  • ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ตอนที่ 1: รอยยิ้มท้าทายในป่าต้องห้าม


ม่านหมอกสีเงินจางลอยเอื่อยเหนือพื้นป่าทึบ ลมหายใจของผืนดินพ่นกลิ่นชื้นและกลิ่นสาบของพืชโบราณออกมาจางๆ แทรกผ่านช่องว่างระหว่างกิ่งไม้สูงชันที่ทอดเงาเหนือศีรษะ แสงแดดยามบ่ายที่ลอดผ่านใบไม้หนาแน่นนั้น กลับคล้ายสายตาลึกลับที่คอยเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหว

เสียงใบไม้ไหวเบาในจังหวะลมหายใจของป่า เสียงแมลงแปลกประหลาดขับขานอย่างแผ่วพร่าในเงามืด และเสียงฝีเท้าเปลือยเปล่าที่ก้าวย่ำลงบนผืนดิน นุ่มนวลทุกย่างก้าว ที่ผสานเป็นบทกวีของความลับในโลกต้องห้าม

แสงอำพันสะท้อนจากเรือนกายเปล่งปลั่งของเทพีผู้เสด็จลงสู่ดินแดนที่เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายต่างพากันหลีกเลี่ยง แต่ไม่ใช่เธอ ... 

อโฟรไดท์

ผิวขาวเนียนละไมของเธอต้องละอองหมอกบางซีดจาง สะท้อนลงบนเงาของเส้นผมทองยาวสลวยที่โบกไสวตามลม มีชีวิตชีวาราวกับเปลวเพลิงอ่อนๆ ของดวงตะวัน

ดวงตาสีฟ้าอำพันหรี่มองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น เป็นปริศนาโดยไม่นำพาหรือเกรงกลัวสิ่งใด ... มีเพียงความถือดีที่เรืองรองในแววตาคมกล้า เจ้าเล่ห์ เจ้ามารยาของเธอ

อโฟรไดท์...เทพีแห่งความงาม ความรักเป็นที่รู้กันดีทั้งแดนพิภพและสวรรค์ว่าเธอมีนิสัยแสนจะเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจเป็นที่ตั้ง และนิสัยนี้ไม่มีใครกล้าตักเตือนเธอได้แน่นอน เพราะแม้แต่ซุส จอมราชาแห่งเทพเจ้าเองก็มักจะพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจเธอเสมอมา

“จะมีปีศาจหน้าไหนกัน ที่กล้าสบประมาทอำนาจของข้า...” เสียงกระซิบขุ่นเคืองปะปนด้วยรอยเย้ยหยัน

เบาบางราวกลีบดอกไม้โปรย แต่แฝงความท้าทายที่ปลุกเร้าแม้แต่ต้นไม้เก่าแก่ให้สั่นไหว

แม้จะถูกเตือนโดยซุสด้วยน้ำเสียงระอาใจ เพราะเขารู้นิสัยของเทพีคนโปรดมากๆ ... หากแต่

แม้จะรู้ดีว่าที่นี่...คือป่าต้องห้ามที่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าย่างกราย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ

ไม่มีใคร — ไม่มีสิ่งใดจะขัดใจเธอ

โดยเฉพาะคำกล่าวแผ่วเบาแต่แฝงแววเย้ยหยันว่า 'พลังอำนาจแห่งเสน่หาของเธอไม่อาจสะกดปีศาจ' ยิ่งกระตุ้นเลือดในกายเทพีให้เดือดพล่าน

เส้นทางที่ทอดลึกเข้าไปสู่ใจกลางป่าที่มืดทะมึนเหมือนกลืนกินเธอผู้ที่หาญกล้าย่างก้าวเข้ามาสู่ดินแดนลี้ลับ

ใบไม้ดกหนาที่บดบังท้องฟ้า กลิ่นของดินชื้นที่เพิ่งดูดซับหยาดฝน และแรงสั่นสะเทือนบางอย่างที่แผ่ไออุ่นแปลกประหลาดขึ้นมาตามฝ่าเท้า ทุกอย่างดูราวส่งเสียงขู่เตือนเธอเงียบๆ เบาๆ ว่าเธอกำลังเข้าใกล้อะไรบางอย่างที่...ไม่ควรเข้าใกล้

กระแสลมเย็นไหลผ่านต้นไม้ใหญ่ราวกับลูบไล้เธอ

ขนละเอียดอ่อนบางสีทองที่ต้นแขนเรียวเสลาลุกชันเบาๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ

และในขณะนั้น ความมืดที่มืดมิดกว่าความมืดใดที่ส่องผ่านเรือนยอดไม้ข้างหน้า ก็เผยให้เธอต้องจ้องฝ่าเข้าเห็นสถานที่หนึ่ง...

ใต้ความมืด คือความสว่าง

บ่อน้ำพุใสกระจ่างกลางป่าทึบที่แสนลี้ลับ แต่กลับมีแสงสว่างอ่อนโยนราวกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์บรรจงก้มลงจูบเหนือผิวน้ำ

กลีบดอกไม้ป่าขาวนวลร่วงหล่นอยู่เหนือน้ำที่ใสงดงามราวกระจก
อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมบางของมอสและเกสรเร้นลับ
อโฟรไดท์ยิ้มเยือกเย็น ละเสื้อคลุมบางเบาออกจากไหล่ขาวละไม — อาภรณ์แห่งสวรรค์หลุดหล่นจากเรือนร่างแสนงดงาม และล่องลอยบนสายลมอย่างนุ่มนวลราวสายหมอก ก่อนร่วงลงแตะพื้นหญ้าที่มืดมน

เสียงผิวน้ำสั่นไหวเบาๆ เมื่อฝ่าเท้าเปล่าเหยียบย่ำลง 
ละอองน้ำเย็นฉ่ำโอบล้อมข้อเท้าเธอไว้อย่างอ่อนหวาน
ความเยียบเย็นจากบ่อน้ำไม่อาจเทียบได้กับอุณหภูมิที่ลุกโชนภายใน

อโฟรไดท์เอียงคอมองเงาตนเองในน้ำ — รูปร่างอันงดงามประหนึ่งศิลปะจากสรวงสวรรค์

เส้นสายโค้งเว้าบนรูปทรงโปร่งบางราวกลีบกุหลาบที่กำลังผลิบานรับอรุณและน้ำค้าง หน้าอกอวบอิ่มขาวนวลที่สะท้อนแสงตะวันยามบ่าย ริมฝีปากชมพูอ่อนเผยที่มักจะคลี่สยายเล็กน้อยเมื่อพบเรื่องราวพึ่งใจ

เธอเอื้อมมือเรียวบางขาวละเอียดตักกักน้ำขึ้นมาลูบไล้ลำคอและสะโพก หยดน้ำทั้งหมดก่อเกิดเป็นแรงสะท้อนผิวน้ำให้เป็นระลอกคลื่น

เส้นผมสีทองสุกปลั่งเปียกน้ำแนบรับกับเรือนกายคล้ายมันจะกลายเป็นอาภรณ์สีทองของเธอ อโฟรไดท์แย้มยิ้มให้กับเสียงหยดน้ำที่ไหลลงจากปลายเส้นผม — มันดังก้องในป่าที่เงียบสงัดแห่งนี้ราวกับจะคำเชื้อเชิญ

และแล้ว...ความรู้สึกหนึ่งก็แล่นวาบไปทั่วกายเธอ

สายตา
ไม่ใช่ลม...ไม่ใช่จินตนาการ

มันคือสายตาที่แหลมคม เฉียบเย็น และร้อนแรงจนเหมือนปลายนิ้วของใครบางคนลูบผ่านกลางแผ่นหลังเธอช้าๆ

เทพีที่เสด็จลงมาจากแดนสวรรค์หันไปมองยังทิศที่แน่ใจว่าไม่ผิด — ดวงตาสีฟ้าอำพันหรี่ลงอย่างระมัดระวังปนความท้าทายต่อสิ่งที่เธอกำลังเฝ้ารอ

แสงและเงาหลอมรวมกันกลืนกินต้นไม้รอบกาย ก่อนที่เขา...จะก้าวออกมาจากความมืด

บาเอล


ราชาแห่งปีศาจทั้งมวล หนึ่งในราชาผู้ครองแดนลึกสุดแห่งนรก
ร่างสูงตระหง่านของเขายืนตัดกับแสงอ่อนที่ตกกระทบ เงาแผ่ไออำนาจแหลมคมออกมา ผิวกายดำสนิทของเขาไม่ได้หม่นหมอง แต่มันวาวเหมือนเหล็กกล้าชั้นเลิศ ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องเธอแน่วนิ่ง เปลวอารมณ์ในแววตานั้น...ไม่ใช่แค่ความโกรธหรือความเย้ยหยัน แต่มันคือแรงปรารถนา แรงขับเคลื่อนดิบเถื่อนจากใต้บาดาลที่แม้แต่เทพก็ยังสะท้าน

“กลิ่นของเจ้าทำให้ป่าทั้งผืน...สะดุ้ง” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยช้าๆ น้ำเสียงเย็นเยียบแต่กลับแผดเผาไปไกลจนถึงกระดูกบอบบางของเทพธิดา “แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าบ้าบิ่น หรือโง่เขลา ที่กล้าย่างเท้าเข้ามาในแดนของข้าโดยไม่สวมอาภรณ์ใดๆ”

อโฟรไดท์แย้มรอยยิ้ม ริมฝีปากสีดอกกุหลาบเผยอย่างน่าลุ่มหลง น้ำหยดจากปลายผมไหลตามลาดไหล่ โค้งลงตรงเนินอก ... อโฟรไดท์ไม่เอียงอาย เพราะเธอไม่แม้แต่จะหยิบอาภรณ์โปร่งบางมาสวม

“ข้าคือเทพีแห่งความงาม เจ้าไม่ควรลืม” เธอกระซิบ พร้อมปรายตาด้วยแววท้าทาย “หรือเจ้ากลัว?”

เสียงหัวเราะแหบพร่าดังขึ้นในลำคอของบาเอล รอยยิ้มของเขาถูกกดลงที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่บอกว่า...เขาอันตรายเกินกว่าจะรู้จักคำว่า 'กลัว'

แต่ราชาปีศาจจากนรกก็ซื่อสัตย์กับตนเองมากพอที่จะยอมรับว่าเขากำลัง...หลงใหล

“กลัว?” 

เขาก้าวเข้ามาใกล้ กลิ่นกำมะถันเจือจางลอยมากับอากาศรอบตัว แรงสั่นสะเทือนบางอย่างปลุกให้ใบไม้ร่วงหล่น 

“เจ้าอาจลืมไป...ว่าแม้แต่ความรัก ก็ถูกไฟเผาไหม้ได้ หากเดินเข้ามาโดยไม่มีเกราะป้องกันตัว” เสียงของเขาไม่ได้แค่ข่มขู่ แต่มันปลุกบางสิ่งในกายเธอให้ตื่นขึ้น

หัวใจเต้นแรงจนสะท้อนอยู่ในใบหู ขนลุกชูชันทั่วกาย — ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความเร้าใจที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้

และเมื่อสายตาของทั้งสองสบกัน

กลางบ่อน้ำ
กลางป่าต้องห้าม
กลางเงามืดที่ไม่มีเทพองค์ใดสอดส่อง...

เทพีกับปีศาจ — ต่างรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่แค่การพบกันธรรมดา
แต่คือจุดเริ่มต้นของสงครามเย้ายวน: ระหว่างเสน่ห์ที่ไม่มีใครต้านทาน ... และแรงปรารถนาที่ไม่อาจห้ามใจ

ตอนที่ 2: เงามืดและความปรารถนาที่ปะทุ


เสียงหยดน้ำที่ตกกระทบผิวน้ำในบ่อน้ำพุราวกับบทเพลงโบราณที่ยังคงขับขานในเงามืด เสียงของมันแผ่วเบาแต่คมชัด ดังก้องในความเงียบของป่าต้องห้ามที่ไร้ผู้ใดสอดส่อง นอกจากเหล่าวิญญาณเร้นลับที่เฝ้าสังเกตจากเงาไม้สูงตระหง่าน
ละอองหมอกบางคลอเคลียเหนือผิวน้ำ อากาศเย็นลูบไล้ผิวเปลือยเปล่าของเทพีผู้ยืนหยัดตรงหน้าเขา กลิ่นหอมของผิวเปียกชื้นเจือกลิ่นน้ำผึ้งและกลีบดอกไม้ยามค่ำ กลิ่นนั้นปะทะจมูกของบาเอลอย่างรุนแรง เผาไหม้โสตประสาทดั่งเปลวไฟในคืนหนาว
บาเอลไม่ขยับ แต่แววตากลับเรืองแสงในความมืด สีเทาเข้มดั่งเถ้าถ่านที่เกือบมอดดับ แต่ยังคงซ่อนเปลวเพลิงที่พร้อมจะปะทุขึ้นมาในพริบตา เขาจ้องมองเทพีตรงหน้าราวกับนักล่าที่พบเหยื่อซึ่งแสนยวนเย้าเกินกว่าจะละสายตา
“เทพีแห่งความงาม...” เสียงของเขาเอ่ยอีกครั้ง คราวนี้ต่ำลง ลึกขึ้น และกระซิบชิดโสตประสาทราวกับควันไฟ “เจ้าทำให้แม้แต่รากไม้ใต้ดินยังแผ่ขยายตามแรงสั่นไหวของเจ้าก้าวย่าง”
อโฟรไดท์หัวเราะในลำคอเบาๆ เสียงนั้นแฝงเสน่ห์ยั่วยวนเหมือนกลีบกุหลาบที่แย้มบานในความมืด เธอขยับกายเข้าใกล้เขาอีกก้าว น้ำที่เกาะอยู่ตามเรือนผมไหลหยดผ่านคางลงมายังไหล่ ผิวขาวสะท้อนเงาจันทร์รางๆ ราวกับเทพธิดาที่หลุดออกมาจากตำนานต้องห้าม
“ข้าคิดว่าเจ้าคงเคยพบหญิงงามมากมายในนรกของเจ้า...แต่ดูเหมือนไม่มีใครทำให้เจ้าใจเต้นแรงได้เท่านี้ ใช่หรือไม่?” เธอกระซิบ ขณะนิ้วเรียวแตะแผ่วเบาลงบนหน้าอกเปลือยเปล่าของเขา ความอบอุ่นจากปลายนิ้วนั้นราวกับพลังเวทที่แทรกซึมผ่านผิวหนังเข้าไปถึงแก่นวิญญาณ
แววตาของบาเอลเปลี่ยนไป วูบหนึ่งมีประกายของความเจ็บปวดซ่อนอยู่หลังม่านแห่งความเฉยชา เขาไม่ตอบในทันที แต่กลับก้มศีรษะลงเล็กน้อย ปล่อยให้ปลายผมดำยาวตกลงบังใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งกำลังพยายามปกปิดบางสิ่ง
“ข้าเคยครอบครองทุกสิ่ง... ยึดครองได้แม้แต่จิตใจของราชินีนรก แต่นานแล้วที่ข้าลืมความรู้สึกยามที่...ใครบางคนสัมผัสข้าโดยไม่หวังผลอะไร” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว แต่แฝงด้วยร่องรอยของความเหนื่อยล้า ราวกับราชาผู้หวนรำลึกถึงบัลลังก์ที่สร้างจากเลือดและคำสาป
อโฟรไดท์สัมผัสได้ถึงบางอย่างภายใต้ผิวหนังของเขา — ความโดดเดี่ยวที่ลึกกว่าเหวใดในนรก ความกระหายที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความใคร่ แต่คือการโหยหาการยอมรับ การโหยหาสัมผัสของความเข้าใจ
เธอกระซิบข้างหูเขา “บางที...เจ้าควรปล่อยให้ข้าทำให้เจ้า ‘รู้สึก’ อีกครั้ง”
แล้วเธอก็แตะริมฝีปากลงบนกระดูกไหปลาร้าของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นไม่ใช่จูบ แต่คือคำสัญญา ความเย้ายวนที่ห่อหุ้มไปด้วยมนตร์สะกดจากเทพีแห่งสวรรค์
เสียงลมหายใจของบาเอลสะดุดไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้น ชั่วขณะที่สายตาทั้งสองประสานกัน โลกทั้งผืนก็ราวกับหยุดนิ่ง ไม่มีสายลม ไม่มีเสียงนก ไม่มีอะไรนอกจากเสียงหัวใจที่เต้นรัวในอกของทั้งสอง
เขายื่นมือขึ้น ลากหลังนิ้วหยาบกร้านไล้จากแนวกรามของเธอลงมาถึงลำคอ และหยุดตรงกระดูกไหปลาร้า นิ้วของเขาเปียกชื้นเพราะหยดน้ำที่ไหลตามเรือนกายเธอ
“กลิ่นของเจ้า...มันทำให้ข้าเสียสมดุล” เขากล่าวเสียงแผ่ว “มันเหมือนกลิ่นของคำสาป และคำอภัย...ในเวลาเดียวกัน”
แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาใกล้จนไรผมของทั้งสองแทบจะสัมผัสกัน อากาศรอบตัวร้อนระอุขึ้นอย่างเงียบงัน เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดต้นคอ กลิ่นกำมะถันจางๆ ผสมกับกลิ่นโลหะ และสิ่งที่คาดไม่ถึง — กลิ่นของสนชื้นและดินที่เพิ่งถูกฝนชะ
มือของเขาขยับช้าๆ ลูบไล้ไปตามแขนเปลือยของเธอจนถึงข้อศอก แล้วแตะสัมผัสที่เอวเพรียว ร่างของอโฟรไดท์ขนลุกวาบ ความร้อนลามจากจุดสัมผัสไปถึงปลายเส้นประสาททุกจุด
แต่เธอก็ไม่ถอย ไม่สั่น ไม่หันหน้าหนี
เธอหลับตา แล้วเอ่ยเบาๆ ด้วยเสียงที่สั่นไหวแค่ปลายลิ้น
“ถ้าเจ้าเผาข้า...ก็จงทำมันให้ลุกโชนที่สุด”
เสียงฟ้าครืนเบาๆ จากที่ไกลๆ แต่บาเอลไม่ได้ผละออก เขากดร่างของเขาเข้าใกล้เธอจนอกแนบอก ลมหายใจสอดประสานกัน ใบหน้าแทบจะแทรกเข้าไปในเรือนผมสีทองของเทพี
มือหยาบกร้านของเขาสัมผัสผิวเปียกชื้นของเธอราวกับกำลังสำรวจบางสิ่งที่อาจเป็นมายา แต่กลับมีอยู่จริง กล้ามเนื้อใต้ฝ่ามือของเขาตึงเครียด ความปรารถนาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาไม่ได้เร่งเร้า กลับเลือกจะเผาไหม้ช้าๆ — เหมือนนรกที่เขาเป็นเจ้าของ
เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนริมฝีปากสัมผัสผิวเธออย่างเชื่องช้า ลมหายใจที่เป่ารดผิวคือคำพูดที่ไม่ได้เอ่ย
จากนั้น...มือของเขาเลื่อนขึ้น ลูบไล้เรือนผมของเธออย่างประณีต นิ้วแทรกสอดเข้าระหว่างเส้นผมที่ชื้น ราวกับกำลังอ่านคำสาปจากเส้นใยสีทองทีละเส้น ทีละเส้น
เมื่อริมฝีปากของเขาแตะแผ่วเบาที่ต้นคอ — กลีบไม้ในป่าเริ่มร่วงหล่นทีละกลีบ ราวกับธรรมชาติกำลังสั่นสะท้าน
กลิ่นหอมของอโฟรไดท์กระจายไปในอากาศ ปะปนกับกลิ่นของผิวหนังร้อนระอุของบาเอล มันกลายเป็นน้ำหอมต้องห้าม ที่ไม่มีเทพองค์ใดในโอลิมปัสหรือขุมนรกกล้าผสม
และในห้วงเวลาที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เทพีกับราชาปีศาจก็ปล่อยให้สัมผัสแรกแห่งความปรารถนาไหลวนราวกับกระแสน้ำ
ไม่ใช่เพียงกายที่ถูกปลุกเร้า แต่คือบางสิ่งที่ซ่อนลึกกว่านั้น
บางสิ่งที่เรียกว่า...จุดเริ่มต้นของไฟลุกโชนที่ไม่มีเทพองค์ใดอาจดับได้
จบบทที่ 2

ตอนที่ 3: เพลิงพิศวาสในใจกลางป่าต้องห้าม


เสียงลมหายใจแผ่วหนักคล้ายสายลมพัดลอดผ่านรากไม้เก่าแก่ ใบไม้เหนือศีรษะสั่นไหวราวกับสะท้อนแรงสั่นสะเทือนจากก้นบึ้งของความปรารถนา ลำแสงสลัวจากท้องฟ้าอึมครึมร่วงหล่นผ่านผืนพฤกษาสูงชันเป็นลำพราย พลิ้วไหวระยับเหนือผิวบ่อน้ำพุใสเย็นกลางป่าลึก ละอองน้ำเล็กจิ๋วลอยฟุ้งในอากาศ ปะทะผิวกายเหมือนหยาดฝนแห่งไฟอันเร่าร้อน
อโฟรไดท์ยืนนิ่งอยู่ริมขอบน้ำ ผิวเนื้อชื้นเย็นเคลือบเงาราวหยกต้องแสงจันทร์ ดวงตาสีอำพันหลุบลงอย่างยั่วยวน ท่ามกลางกลิ่นชื้นของตะไคร่และไอน้ำอุ่นจากผิวน้ำที่เดือดระอุเพราะร่างของเขา — บาเอล ยังคงแนบชิดอยู่เบื้องหลัง
ลมหายใจของเขาหนักแน่น เป่ารดซอกคอเธออีกครั้ง — แผ่วเบาแต่ร้อนระอุจนเนื้อเย็นชื้นแทบระเหยเป็นไอ
แขนแกร่งโอบเธอจากด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ช้าๆ ไล่จากเอวขึ้นไปยังกระดูกไหล่ เส้นเลือดใต้ผิวหนังสั่นไหวเพียงเขาแตะต้อง ความอ่อนโยนของสัมผัสตัดกับน้ำเสียงกระด้างที่เขาเคยใช้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน กล้ามเนื้อแข็งตึงของเขาแนบกับแผ่นหลังเธอ ร้อนราวเปลวไฟที่พร้อมแผดเผา
เสียงหายใจของทั้งสองเริ่มหนักแน่นขึ้น แทรกกลางความเงียบของป่าลึกอย่างลึกลับ กลิ่นของพวกเขา—กลิ่นกายและอารมณ์ปะปนกัน—กลายเป็นกลิ่นต้องห้ามที่แม้แต่สายลมยังลังเลจะพัดพาออกไป
ริมฝีปากของบาเอลแตะแผ่วเบาที่บ่าขาวของอโฟรไดท์ก่อนจะลากผ่านเนินไหล่ไปอย่างเชื่องช้า ซึมซับทุกอณูรส กลิ่นเกสรในผิวเธอเหมือนเวทมนตร์ที่ไม่มีพิธีกรรมใดต้านทานได้
"ข้าจะไม่ขออนุญาต" เขากระซิบเสียงต่ำ ดุดันแต่ทุ้มลึกเหมือนแผ่นดินกำลังคำราม
อโฟรไดท์แย้มริมฝีปากบาง "เพราะข้าจะไม่ห้าม" เสียงของเธอไม่สั่น แต่ลมหายใจสะดุดครู่หนึ่งเมื่อมือของเขาเลื่อนลงแตะหน้าท้องเรียบเนียนก่อนกดนิ้วช้าๆ ลงบนสะโพก
เธอหันกายเล็กน้อยเผชิญหน้าเขา — ดวงตาสีทองต้องกับดวงตาสีดำราวกับเหวลึก สะท้อนแสงไฟจากภายในที่ไม่มีวันดับ
ไม่มีคำพูดใดอีกในวินาทีนั้น ริมฝีปากของพวกเขาหาเจอกันกลางอากาศที่แน่นตึงด้วยแรงดึงดูดทางอารมณ์ จูบของเขาไม่ใช่คำขอ มันคือการครอบครอง — เร่าร้อน หนักแน่น และลึกล้ำ
เธอตอบรับเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข มือเล็กเลื่อนขึ้นไปเกาะไหล่เขา และอีกข้างสอดแทรกเข้าในเรือนผมสีเข้มของเขา ลากนิ้วลงจนถึงต้นคอแกร่ง เล็บเธอกรีดเบาๆ ให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้แค่ยอม...แต่ต้องการเช่นกัน
เสียงครางต่ำในลำคอของบาเอลเล็ดลอดออกมาราวสัตว์ร้ายที่ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ นิ้วของเขาจับแน่นที่สะโพกเธอ ก่อนจะยกร่างเธอขึ้นอย่างง่ายดายแล้วพาเดินเข้าหาบ่อน้ำพุ
"ข้าอยากให้เจ้ารู้สึก...จนลืมไปว่าเคยเป็นเทพี" เสียงของเขาหนักแน่นราวกับคำสาบาน
เท้าเปลือยแตะผิวหินเย็นชื้น ใบไม้ปลิวว่อนเหนือศีรษะ กลีบดอกสีม่วงอ่อนร่วงหล่นลงมาบนผิวกายนวล อโฟรไดท์กอดเขาแน่น ขณะที่ร่างถูกวางลงช้าๆ ข้างขอบบ่อน้ำ
ละอองน้ำกระเซ็นกระจายเมื่อเขาตามลงมาใกล้ แสงสะท้อนจากผิวน้ำแตะใบหน้าของบาเอล เผยให้เห็นแววตาที่ครั้งหนึ่งเคยแข็งกระด้าง บัดนี้อ่อนโยน...แต่ยังเร่าร้อน
ริมฝีปากของเขาสัมผัสผิวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า—ที่ลำคอ ที่กระดูกไหปลาร้า ที่ยอดอกอ่อนที่โค้งรับสัมผัสอย่างเสน่หา เสียงหายใจของเธอเปลี่ยนเป็นหอบสั้นทุกครั้งที่เขาแตะต้อง ส่วนลึกของร่างกายตอบสนองต่อเขาอย่างซื่อสัตย์
ลมหายใจเธอสั่นระริกเมื่อเขาใช้ลิ้นลากเส้นบางๆ ไล่ลงมาตามหน้าท้อง แผ่นหลังเธองอขึ้นรับสัมผัสราวกับจะทนไม่ไหวต่อไฟที่เขาจุดขึ้นจากทุกสัมผัสของเขา
เธอครางต่ำ เสียงเบาแต่หนักแน่น ปรากฏกลางความเงียบของป่า เป็นเสียงที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกลั้นหายใจพอจะมองข้าม
มือเขาสอดใต้ต้นขาของเธอ ยกร่างเธอขึ้นเล็กน้อย เขาแนบชิดจนร่างแน่นสนิท — ความร้อนของเขาแทบหลอมละลายความเย็นจากน้ำพุที่ไหลผ่านใต้ร่าง
คลื่นไหวสะท้อนในบ่อน้ำ เสียงน้ำกระเพื่อมพัดคลอเสียงครางและเสียงจุมพิตอย่างช้าๆ เร้าเร่ง
เมื่อจังหวะระหว่างพวกเขาเร่าร้อนขึ้น อโฟรไดท์หลับตา ปล่อยให้ตัวเองจมหายไปกับความรู้สึก เธอไม่ใช่เทพีในตอนนั้น ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความงาม ไม่ใช่ผู้ถูกบูชา
เธอเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ปล่อยให้ตนเองหลอมรวมกับปีศาจที่กล้าเผาเธอด้วยไฟของเขาอย่างเต็มใจ
และเมื่อถึงจุดสูงสุดของเปลวเพลิง ร่างกายของทั้งสองแทบแยกไม่ออกจากกัน เสียงของธรรมชาติหยุดนิ่ง ดอกไม้หยุดไหว ลมหยุดพัด
เมื่อทุกอย่างจบลง — บาเอลยังคงไม่ผละออก เขาวางหน้าผากลงบนไหล่ของเธอ หอบหายใจหนัก ดวงตาที่เคยดุดันหลุบต่ำด้วยแววบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ข้าไม่คิดว่าเทพี...จะร้องเรียกชื่อข้าได้หวานขนาดนี้" เขากระซิบเบาๆ แฝงรอยยิ้มในน้ำเสียง
อโฟรไดท์หัวเราะเบาๆ แสงสะท้อนจากผิวน้ำวาดลวดลายบนผิวเปลือยของเธอ "ข้าไม่คิดว่าปีศาจจะสัมผัสได้...อ่อนโยนขนาดนี้"
เขาเงยหน้าขึ้น มองเธออย่างเงียบงัน ดวงตาที่เคยเป็นเหวลึกกลับสะท้อนประกายบางอย่าง — อะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่ความใคร่
เขาโน้มลง จูบเธออย่างแผ่วเบาอีกครั้ง แล้วกล่าวเสียงต่ำ "ข้าจะไม่ลืมสัมผัสนี้…แม้วันใดที่ข้าต้องกลับสู่นรก"
เธอยกมือขึ้นแตะแก้มเขา ลูบเบาๆ อย่างที่เทพีองค์หนึ่งไม่ควรทำกับสิ่งที่สวรรค์เรียกว่าปีศาจ
"แล้วเจ้าจะจำมัน...ด้วยหัวใจหรือด้วยไฟ?" เธอถามเสียงแผ่ว
"ทั้งสองอย่าง" เขาตอบ ไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที
แสงแดดยามเย็นเริ่มลอดผ่านเมฆหนา กลีบดอกไม้ยังคงปลิวว่อน แสงสะท้อนจากผิวน้ำเปล่งประกายเหมือนเวทมนตร์
ร่างของเทพีและราชาปีศาจยังแนบชิด กลิ่นผิวหนังร้อนยังลอยในอากาศ ดวงตาของทั้งสองสบกันนานราวกับจะตรึงภาพนั้นไว้ตลอดนิรันดร์
และในใจกลางของป่าต้องห้าม ท่ามกลางเสียงธรรมชาติที่เงียบงัน — เพลิงพิศวาสที่ไม่มีเทพองค์ใดดับได้ ก็ยังลุกโชนอยู่ต่อไป

-จบ-

(นิยายจะมีตอนพิเศษ ที่คุณจะหาอ่านได้ในแบบฉบับ EBook ที่เดียว!)

จบตอน

🔹และหากคุณเป็น อโฟรไดท์ คุณอยากพบกับปีศาจตนไหนในป่าต้องห้ามแห่งนี้? 

👉 กดเลือกปีศาจตนต่อไป ที่นี่ 👈



แนะนำนิยาย

The Arabian Nights กาลครั้งหนึ่ง ณ พันหนึ่งแห่งอาหรับราตรี

The Arabian Nights กาลครั้งหนึ่ง ณ  พันหนึ่งแห่ง อาหรับราตรี แรงบันดาลใจจาก The Book of the Thousand Nights and a Night ริชาร์ด เอฟ. เบอร์ตั...

นิยาย HIT